เมืองไทย 360 องศา
เกือบลืมไปแล้วว่า เวลานี้เรายังมี “ตัวประกัน” ที่เป็นคนไทย ที่ติดอยู่ทั้งในสงครามอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซา ตะวันออกกลางซึ่งจนถึงวันนี้ก็กว่าสามสิบวันแล้ว และล่าสุด ก็ยังมีคนไทยต้องกลายเป็นตัวประกันในสงครามที่เริ่มเข้าขั้นสงครามกลางเมืองในเมียนมา โดยตามข่าวบอกว่าติดอยู่ในเมือง “เล้าก์ก่าย” ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษโกก้าง บริเวณตอนเหนือของรัฐฉานประเทศเมียนมา ติดกับชายแดนจีน และกลายเป็นพื้นที่สู้รบระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์กับรัฐบาลทหารพม่า โดยคาดว่ามีคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันกว่า 260 คน
กรณีของคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันในเมียนมา จากรายงานข่าวระบุว่า ส่วนใหญ่ถูกหลอกไปทํา งานที่เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ล่าสุดจากการประสานงานยืนยันว่าสามารถช่วยเหลือออกมาได้ก่อนในชุดแรกราว 40 คน และจะถูกนํา ตัวมาส่งที่ชายแดนไทย ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ฝั่งเมียนมา จากนั้นก็จะถูกนํา ตัวมาฝั่งไทย โดยจากข้อมูลล่าสุดมั่นใจว่า คนไทยกลุ่มแรกจะมาถึงประเทศไทยภายในวันที่ 16-17 พ.ย.นี้
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจํา สํา นักนายกรัฐมนตรี เผยว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ติดตามการช่วยเหลือชาวไทยในเมืองเล้าก์ก่าย รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อย่างใกล้ชิดโดยความคืบหน้าล่าสุด กองทัพบกเตรียมแผนรับคนไทย 41 คน โดยคาดว่าจะสามารถส่งตัวคนไทยกลุ่มนี้ได้ ภายในวันที่ 17 พ.ย.66 เพื่อเดินทางกลับประเทศ
นายชัยกล่าวว่า แผนการรับตัวคนไทยจํา นวน 41 คน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของทหารว้า โดยกองทัพบกได้ใช้กลไกความร่วมมือด้านการทหาร ผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (Township Border Committee: TBC) ประสานขอให้ทหารว้า เคลื่อนย้ายคนไทยกลุ่มนี้จากเมืองหนานเติ้ง มาส่งมอบให้กับทหารเมียนมาในพื้นที่ จ.เชียงตุง เมียนมา แล้วจึงเคลื่อนย้ายคนไทยต่อมายัง จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมาซึ่งฝ่ายเมียนมา ยืนยันว่าสามารถส่งตัวคนไทยกลุ่มนี้มายัง จ.ท่าขี้เหล็ก ได้อย่างเร็วที่สุดคือ วันที่ 16 พ.ย.66 และอย่างช้าที่สุดไม่เกิน วันที่ 17 พ.ย.66 ก่อนที่ คณะกรรมการ TBC ฝ่ายไทย จะเข้าไปรับตัวมายังพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของคนไทยที่ยังคงอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย กระทรวงการต่างประเทศ อยู่ระหว่างประสานการปฏิบัติกับเมียนมา และจีน เพื่อขอรับตัวคนไทย
กลุ่มนี้กลับประเทศโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งประสานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการอพยพคนไทยออกมายังพื้นที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมได้ประสานการทํา งานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ เพื่อวางแผนความเป็นไปได้ในการเคลื่อนย้ายคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ ให้สามารถเดินทางกลับประเทศโดยสวัสดิภาพ
กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้ดํา เนินการรับคนไทย จํา นวน 41 คน ณ จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตลอดจนได้ประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยมีด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย รับผิดชอบในการดํา เนินกรรมวิธีตรวจ คนเข้าเมืองโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช รับผิดชอบการดูแลเรื่องสุขภาพและการรักษาพยาบาลมณฑลทหารบกที่ 37 รับผิดชอบในเรื่องที่พักคอยและอาหาร และจะได้ส่งต่อให้สํา นักงานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.เชียงราย เพื่อดํา เนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ กองทัพบกคํา นึงถึงความปลอดภัยของคนไทยเป็นหลัก
สํา หรับแผนการปฏิบัติต่อไป กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และ ทุกภาคส่วนจะบูรณาการประสานการปฏิบัติโดยใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง ในทุกมิติ รวมทั้งติดตามและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่เพื่อวางแผนความเป็นไปได้ ในการเคลื่อนย้ายคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่เมืองเล้าก์ก่ายประมาณ 246 คน ให้ได้กลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ ต่อไป
นั่นเป็นเหตุการณ์ที่คนไทยถูกจับเป็นตัวประกันล่าสุด ในประเทศเมียนมาซึ่งเริ่มมีรายงานเข้ามาตั้งแต่ วันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นต้นมา และสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศนั้น ก็เริ่มลุกลามบานปลายจนใกล้เคียงกับ “สงครามกลางเมือง” มากขึ้นทุกทีแล้ว ซึ่งคนไทยที่ยังอยู่ในพื้นที่สู้รบ หรืออาจตกเป็นตัวประกัน ก็ยังไม่แน่ชัดนัก แต่ถึงอย่างไรก็ยังถือว่า อยู่ในพื้นที่อันตราย ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือกลับบ้านมาทั้งหมด ตามข่าวบอกว่า ยังเหลืออีกกว่าสองร้อยคน ถือว่าเป็นจํา นวนมาก
ขณะเดียวกัน เมื่อย้อนกลับไปในกรณีคนไทยตกเป็นตัวประกันของกลุ่มติดอาวุธฮามาส ในฉนวนกาซา ที่จนถึงขณะนี้ แทบจะไม่มีข่าวคราวหรือความเคลื่อนไหวในความช่วยเหลือจากทางการออกมาเลย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศระยะหลังแทบจะไม่ค่อยเห็นแอ็กชัน ของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จนแทบจะเรียกว่าเงียบไปเลย
ตรงกันข้าม กลับได้เห็นการเคลื่อนไหวที่ดูแล้วพอจะมีความหวังมากกว่านั่นคือ การเจรจาแบบ “นอกกรอบ” โดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว เช่น ตัวแทนของประธานรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ส่งตัวแทนที่เป็น “กลุ่มชีอะห์” เข้าไปประสานเจรจา ทั้งที่ผ่านอิหร่าน มีการเจรจากันโดยตรงกับตัวแทนกลุ่มฮามาส ในกรุงเตหะราน ของอิหร่าน ล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ว่าอีกประมาณ 2-3 วัน ตัวประกันคนไทยอาจได้รับการปล่อยตัว
วันที่ 16 พฤศจิกายน นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายเลอพงษ์ ซาร์ยีด นายกสมาคมนักเรียนเก่าไทย อิหร่าน ในฐานะตัวแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทํา หน้าที่ประสานงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกจับกุมแถลงความคืบหน้าช่วยเหลือตัวประกันไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับ โดยนายมุข กล่าวว่า คนไทยยังปลอดภัยอยู่ แม้จะยังมีการยิงจรวดและระเบิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งฮามาส ขอให้หยุดยิง แต่ท้ายที่สุดอิสราเอลไม่ยอมหยุด แตโอกาสหยุดยิงมีความเป็นไปได้ เพราะขณะนี้โลกกํา ลังกดดัน เชื่อจะมีการปล่อยตัวเร็วๆ นี้ แต่จะปล่อยอย่างไร เราไม่สามารถระบุได้ แต่ปล่อยตัวแน่นอน ทั้งนี้ เราคิดว่าการช่วยเหลือของเราไม่ได้เป็นการก้าวก่ายฝ่ายบริหาร แต่เป็นการหาทางช่วยกันมากกว่า
ด้านนายเลอพงษ์ กล่าวว่า กลุ่มฮามาสพูดตลอดจะปล่อยตัว แต่ต้องขึ้น อยู่กับสถานการณ์ความปลอดภัย การปล่อยตัวในช่วงวิกฤตเช่นนี้ จะมีอันตรายเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา มีการประชุมมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ขอให้หยุดยิงภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อปล่อยตัวประกันและลํา เลียงความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เช็กข่าวเขาจะปล่อยตัว 50 คน โดยในจํา นวนนี้เป็นแรงงาน 25 คน คณะทํางานของประธานสภาประสานไปว่า ขอเป็นคนไทยทั้งหมด ซึ่งกลุ่มฮามาสบอกว่าจะปล่อยตัว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอีกไม่กี่วันเราจะได้รับข่าวดี คิดว่าไม่เกิน 10 วัน หรือเร็วที่สุดคือ 2-3 วันนับจากวันนี้ จะปล่อยตัว เขาคงต้องศึกษาความปลอดภัยก่อนว่าจะปล่อยตรงจุดใด
นั่นคือเรื่อง “ตัวประกัน” ที่เป็นคนไทย แม้ว่าจะเริ่มได้รับข่าวดี และคาดว่าจะเริ่มทยอยปล่อยตัวออกมา แต่หากสังเกตจะเห็นว่า การเจรจาที่เป็นเนื้อเป็นหนังล้วนมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลที่ดํา เนินการเจรจา จนกลายเป็น “หน่วยงานเสริม”ไปเสียอีก ทั้งในกรณีของสงคราม อิสราเอลกับฮามาส และสงครามในเมียนมา ก็ตาม
ขณะเดียวกัน หากเชื่อมโยงให้เห็นภาพอีกกรณีหนึ่งที่อาจเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ที่สะท้อนให้เห็นถึงความ “ไร้หลักการ” ไร้มาตรฐาน ในกรณี “นักโทษเทวดา” นายทักษิณ ชินวัตร ที่ยังรักษาอาการอยู่บนชั้น 14 โรงพยาบาลตํารวจ มานานเกือบ 90 วันแล้ว ด้วย“โรคลึกลับ” รักษาอาการไม่ทุเลาเสียที จะว่าอยู่ในขั้น“โคม่า” ใกล้ตาย ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะไม่เห็นอาการทุกข์ร้อนจนผิดสังเกตของคนในครอบครัว ทุกอย่างดูลึกลับซับซ้อนจนผิดปกติ แต่ข่าวที่น่าจะยืนยันแน่ชัดก็คือ คาดว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวภายในธันวาคมนี้
ความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ “นักโทษเทวดา” ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวใน “กระบวนการยุติธรรม” ที่ “ไร้มาตรฐาน”โดยเฉพาะจากฝ่ายรัฐบาล ตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง รวมไปถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่กํา กับดูแลกรมราชทัณฑ์ทุกอย่างดูแล้ว “น่าผิดหวัง”
แม้ว่าหากพิจารณาแล้วทั้งสองเรื่องคือกรณีตัวประกันคนไทยที่ส่วนใหญ่ยังตกอยู่ในอันตราย ไม่ว่าจะเป็นกรณี ที่ฉวนกาซา และในเมียนมา ที่ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความ“ไร้ศักยภาพ” ของฝ่ายรัฐบาล ในการให้การช่วยเหลือส่วนใหญ่จะเป็นการใช้ช่องทางช่วยเหลือจากแหล่งอื่น จนบางครั้งมีความ“ปากไว” จนซ้ํา เติมปัญหาก็มี ขณะที่มาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย ที่ดูเหมือนทําร้ายกระบวนการยุติธรรม จนยับเยินจากกรณี “นักโทษเทวดา” ซึ่งกรณีหลังนี่แหละจะกลายเป็นตัวบั่นทอนรัฐบาล ไม่ต่างการสะสมแต้มลบไปเรื่อยๆ !!.