เมื่อวันที่ 9 พ.ย. นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ในการที่กรมการข้าวให้ความสำคัญของโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปี 2566 เพื่อมุ่งเน้นส่งเสริมให้ชาวนาสามารถเข้าถึง และได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจากกรมการข้าวทั่วประเทศ โดยเกษตรกร สามารถเข้าร่วมโครงการได้ผ่านกลุ่มเกษตร และสถาบันเกษตรกร เช่น ศูนย์ข้าวชุมชนในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ในราคาตามหลักเกณฑ์ของกรมการข้าวที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้ชาวนาได้มีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีสำหรับการเพาะปลูก และขยายพันธุ์ ซึ่งในปีนี้กรมการข้าวมีเป้าหมายการดำเนินการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี จำนวน 58,700 ตัน อีกทั้งยังเป็นการยกระดับปริมาณและคุณภาพผลผลิตข้าว ให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ และในส่วนของเกษตรกรที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการในปีนี้
กรมการข้าวมีแผนการดำเนินงานโครงการนี้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี เพื่อให้เกษตรกรจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้ เนื่องจากว่า ข้าวถือเป็นพืชสินค้าหลักของคนไทย และมีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ กลุ่มโรงสี กลุ่มผู้ค้าข้าวรายใหญ่ ผู้ส่งออกรายใหญ่ โดยในเรื่องของการพัฒนาการปลูกข้าวเพื่อให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น ต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอยากให้ช่วยกันดูแลเรื่องของผลผลิตให้ได้สูงสุด ส่วนการที่อยากจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาหรือ Supply ชั่วคราว ขอให้คำนึงถึงปากท้องพี่น้องประชาชนด้วย ในการที่จะต้องช่วยเหลือจุนเจือพี่น้องเกษตรกร บางนโยบายก็ต้องอาศัยการช่วยเหลือของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธ.ก.ส. ถ้าไม่ช่วยเหลือ ไม่ตัดไฟแต่ต้นลมจะเป็นปัญหาใหญ่ลามไปในอนาคตได้ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรมในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ปลูกข้าวทั้งหมด
นอกจากนี้ในเรื่องของสถานการณ์ข้าวไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบสูง จากสถานการณ์ข้าวโลกข้าวไทย โดยในส่วนของสถานการณ์ข้าวไทย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ผลผลิตข้าว ปีการผลิต 2566/67
- ภาพรวม ผลผลิต 32.35 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลง จากปีก่อน 2.08 ล้านตันข้าวเปลือก (-6%)
- นาปี ผลผลิต 25.57 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลง จากปีก่อน 1.14 ล้านตันข้าวเปลือก (-4%)
- นาปรัง ผลผลิต 6.78 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลง จากปีก่อน 0.94 ล้านตันข้าวเปลือก (-12%)
โดยผลผลิตมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ ทำให้ปริมาณน้ำฝนมีน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้บางพื้นที่สามารถปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว และผลผลิตต่อไร่มีแนวโน้มลดลง และการส่งออกข้าวไทยเทียบกับประเทศผู้ส่งออกสำคัญ ปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) อินเดียส่งออกข้าวได้มากเป็นอันดับ 1 ของโลก ประมาณ 14.87 ล้านตัน รองลงมาได้แก่ เวียดนาม 6.26 ล้านตัน ไทย 6.08 ล้านตัน ปากีสถาน 1.98 ล้านตัน และสหรัฐฯ 1.49 ล้านตัน โดยอินเดีย ส่งออกข้าวลดลง (-3%) เนื่องจากมีมาตรการจำกัดการส่งออกข้าว เพื่อควบคุมราคาข้าวภายในประเทศ เวียดนาม ส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น (+33%) เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อจากฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไทย ส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น (+12%) เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อจากอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นมาก รวมทั้งได้รับอานิสงส์จากอินเดียห้ามส่งออกข้าวขาว และปากีสถาน ส่งออกข้าวลดลง (-37%) เนื่องจากมีปริมาณข้าวจำกัด จากเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงเมื่อปีก่อน
กรมการข้าวจึงเร่งผลักดันให้พี่-น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ และเปลี่ยนมาใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2563 – 2567 ตามเป้าหมายหลักที่สำคัญคือ การลดต้นทุนการผลิตไม่เกิน 3,000 บาท/ไร่ หรือ 6,000 บาท/ตัน โดยมีความคืบหน้าอยู่ที่ 3,433 บาท/ไร่ หรือ 5,787 บาท/ตัน สนองความต้องการที่หลากหลายของตลาดข้าว