xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวไกล “หน้าด้าน” คนไม่เท่ากัน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชัยธวัช ตุลาธน - ปิยบุตร แสงกนกกุล
เมืองไทย 360 องศา

เรียกว่าสนุกสนานบันเทิงเริงใจจริงๆ สำหรับบรรยากาศในพรรคก้าวไกลในเวลานี้ หลังจากที่ต้องแก้ปัญหาภายในที่เกิดเรื่องราวอัน “น่าอับอาย” มาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ เรื่องถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการ “คุกคามทางเพศ” การทำร้ายร่างกายผู้หญิง ปัญหาเรื่อง “เมาแล้วขับ” การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผิดกฎหมาย พฤติกรรมผลาญงบแบบไร้ความรับผิดชอบ ทั้งที่คนทำผิดดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นฝ่าย “นิติบัญญัติ” ทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร ฝ่ายออกกฎหมายแทนประชาชน แต่กลับทำเรื่องที่น่าละอาย โดยล่าสุด ถึงขนาดที่ถูกคนที่ “เรียกว่าพวกเดียวกัน” ยังทนไม่ไหว ถึงขนาดต้องออกมาด่าทอว่า “หน้าด้าน” กันเลยทีเดียว

หากทบทวนกับรายล่าสุดจำนวนสองราย ที่เป็น ส.ส.เขต รายแรก คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี ส่วนอีกรายก็คือ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง บางขุนเทียน ถูกร้องเรียนเรื่อง “คุกคามทางเพศ” และผลจากการประชุมพรรคก้าวไกล ก็มีมติขับ นายวุฒิพงศ์ ออกจากพรรค ขณะที่ นายไชยามพวาน (ชื่อเรียกยาก) เสียงขับให้ออกจากพรรคมีไม่เพียงพอ จึงรอดตัวไป แต่ให้ตัดสิทธิพึงมีทั้งหมดแล้วคาดโทษไปตลอดสมัยประชุม

แน่นอนว่า “นักคุกคามทางเพศแบบกามฉาว” ทั้งคู่โวยวายลั่นทุ่ง รายแรกเมื่อถูกขับออกจากพรรค ก็ต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน โดย นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา แม้จะมีท่าทีฮึดฮัดกับมติพรรคก้าวไกลดังกล่าวที่ขับตัวเองออกจากพรรค แต่เมื่อถูกขับออกไปแล้ว ก็ต้องหาพรรคสังกัดใหม่ให้ได้ตามกำหนด ขณะที่อีกคนหนึ่งกลับต้องเจอปัญหามากกว่า แม้ว่าตามข่าวบอกว่ามีเสียงไม่พอ 3 ใน 4 หรือ 216 เสียง จึงขับออกไม่ได้ แต่ก็มีผลกระทบตามมาเหนือความคาดหมาย ทั้งตัวเองและกับพรรคก้าวไกล เรียกว่า “โดนเข้าไปเต็มๆ”

ที่สำคัญก็คือ แม้ว่าตัวเขาไม่ได้ถูกขับออกเพราะเสียงไม่พอ แต่มันก็เพียงพอที่จะถูกสังคม “รุมประณาม” กันดังมาทั่วทิศทาง โดยเฉพาะจากบรรดาแนวร่วมทั้งหลายที่เป็น “ม็อบสามนิ้ว” ต่างดาหน้าออกมาชี้หน้าด่ากันขรม ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ที่พวกเขาออกมาแสดงท่าทีแบบนี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ “รู้สึกอับอาย” ด้วยหรือเปล่า กับการที่เคยร่วมหัวจมท้าย อ้างอุดมการณ์ “คนเท่ากัน” สร้างมาตรฐานเอาไว้สูงลิ่วจนข่มคนอื่นจนมิด

แต่ที่ผ่านมา ต้อง “เจอเข้าไปหลายดอก” ติดๆ กัน โดยเฉพาะเรื่อง “คุกคามทางเพศ” ไม่ต่างจากลักษณะของพวก “หื่นกาม” ใช้ความรุนแรงกับเพศตรงข้าม รวมไปถึงประเภท “เมาแล้วขับ” สนุกสนานสำราญบานใจกันไปเลย ซึ่งกรณีที่เกิดมติรายล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ ส.ส.ทั้งสองคนดังกล่าว มันยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ก้าวข้ามเรื่องแบบนี้เลย กลายเป็นว่า “พวกมาตรฐานต่ำ” หรือไร้มาตรฐานไปเลยด้วยซ้ำไป

กรณี ส.ส.คุกคามทางเพศ ทั้งสองคนที่เกิดขึ้นล่าสุด ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคก้าวไกลถึงขั้น “หมดเครดิต” ไปเลย เพราะทั้งสองคน “ผิดจริง” และเกิดขึ้นซ้ำๆ อีกทั้งจำนนต่อหลักฐาน แต่พวกเขาก็ยังปากแข็ง ซึ่งในรายของ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ นอกจากปฏิเสธเสียงแข็งแล้ว ยังไม่ยอมลาออกจากพรรคอีกด้วย

เพราะแม้แต่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้แสดงความคิดต่อกรณีดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ทนไม่ไหว และเห็นว่า การใช้อำนาจที่ได้จากตำแหน่งของตนไปจูงใจล่อลวงบุคคลอื่น ให้กระทำการตามที่ตนต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องทางเพศ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในยุคสมัยนี้

หากพรรคก้าวไกล ต้องการยกระดับมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ ต้องการป้องกัน ต่อต้านการคุกคามทางเพศ และความรุนแรงทางเพศภายในองค์กรหรือสถานที่ทำงาน ให้ได้ ตามที่โฆษณาไว้จริง

ผลมติที่ออกมาวันนี้ นับว่าน่าผิดหวัง (แน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญไปบังคับว่าต้องใช้จำนวนถึง 3 ใน 4 ของจำนวน ส.ส.และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งถือว่าสูงมาก)

แต่เรื่องแบบนี้ เมื่อทั้งคณะกรรมการวินัยของพรรค และทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติว่า มีการกระทำความผิดร้ายแรงแล้ว หาก ส.ส.ผู้ถูกร้องรู้จักมาตรฐานใหม่ ในทางการเมืองอยู่บ้าง รู้จักความรับผิดชอบ ต่อผู้เสียหาย พรรค เพื่อน ส.ส.คนอื่น ผู้สนับสนุนพรรค และสังคมอยู่บ้าง คิดถึงตำแหน่งหัวโขนที่พึ่งได้มาอย่าง ส.ส. ให้น้อยลงบ้าง ส.ส.ผู้ถูกร้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมาถึงวันนี้ที่พรรคต้องใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุม ส.ส.ต้องมาลงมติ

เหตุการณ์คราวนี้ ดำเนินมาถึงตอนนี้ ไม่มีใครได้ มีแต่เสียกันทุกฝ่าย ผู้ร้อง ผู้เสียหาย ถูกกระทำ และถูกกระทำซ้ำอีกทุกครั้งเมื่อต้องชี้แจงหรือถูกสื่อตามสัมภาษณ์ และถูกกระทำซ้ำๆ อีก เมื่อไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ

พรรคก้าวไกลเสียหาย ถูกโจมตี วิจารณ์ ไม่ใช่แค่กรณีเรื่องการคุกคามทางเพศเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ไว้ใจ ไม่มั่นใจ ที่จะให้ลูกหลานของเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นอาสาสมัคร หรือทำงานกับคนของพรรค

ส.ส.ผู้ถูกร้อง เมื่อไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ก็จะถูกตำหนิประณามไปตลอด อนาคตทางการเมืองน่าจะไปต่อได้ยากมาก ส.ส.ในพรรค ต้องมาประชุม อภิปราย ลงมติ เกิดความแตกแยก กินแหนงแคลงใจกันในพรรค พนักงานพรรค ทีมงาน เสียความเชื่อมั่น ความนับถือในตัว ส.ส. ไม่อยากปฏิบัติงานให้อีกต่อไป เสียกำลังใจและหมดพลัง

ทั้งหมดนี้ คือ ผลพวงจากการไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ไม่กล้ายอมรับผิด ไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ คิดถึงเรื่องของตนเองมากกว่าเรื่องส่วนรวม

ด้วยแรงกดดัน เสียงวิจารณ์จากภายนอกที่ดังมารอบทิศ ทำให้แกนนำพรรค ตั้งแต่หัวหน้าพรรค คือ นายชัยธวัช ตุลาธน ได้ออกมาแสดงท่าทีล่าสุด หลังจากที่ได้เห็นการแถลงของ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ไม่ได้มีอาการสำนักผิด และไม่ขอโทษผู้เสียหาย ที่มีถึงสามคน จึงต้องนัดประชุมพรรค เพื่อลงมติกันอีกครั้ง

เอาเป็นว่า งานนี้นั่งไม่ติดกันทั้งพรรค เพราะจากพฤติกรรมของ ส.ส.ในพรรคที่เกิดเหตุ เรื่องราวน่าอับอาย อับยศอดสูเป็นที่สุด ต่อเนื่องกันแบบไม่ได้พักกันเลยแบบนี้ ถือว่าภาพลักษณ์ของพรรคการเมืองพรรคนี้ป่นปี้ ไม่อาจคุยได้อีกแล้วว่า เป็นพรรคที่จะเป็นความหวัง ความเท่าเทียม หรือ “คนเท่ากัน” สารพัดที่ประดิดประดอยคำพูดสวยหรูออกมาให้เคลิบเคลิ้มอารมณ์พลุ่งพล่านมานาน มันก็ไม่ต่างจากพฤติกรรมของบรรดาวัยรุ่นบางคนที่ยังไร้วุฒิภาวะ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย!!



กำลังโหลดความคิดเห็น