เปิดหน้าครั้งแรก ส.ส.ฝั่งธนถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศ "ไชยามพวาน" โค้งคำนับขอโทษ ชี้แจงช้า เพราะอาจกระทบหลายฝ่าย ปัดคุกคามทางเพศ เชื่อเป็นขบวนการดิสเครดิต พร้อมให้กกต.ตรวจสอบ กันพรรคถูกครหาหากตัดสินออกมาทางใดทางหนึ่ง
วันนี้ (1 พ.ย.2566) ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกลประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรคและ สส. เพื่อสรุปบทลงโทษ สส.พรรคที่ถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศ 2 กรณี ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และ สส.กทม. ฝั่งธนบุรี
โดยก่อนเริ่มประชุม นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.เขตจอมทอง ออกมายอมรับและเปิดหน้าครั้งแรก ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุม ว่า ตนขอโทษทุกคนทั้ง ประชาชน สื่อมวลชน และทีมงานพรรคที่ก่อนหน้านี้ ตนไม่ได้มาชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้ฟัง ตนเสียใจ หันซ้ายก็เป็นเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน กล้ำกลืนฝืนทนที่จะพูดอะไรก็ลำบากใจ เพราะส่งผลกระทบต่อทีมงาน หันขวาก็จะเจอพรรคที่ตนรัก หากจะพูดอะไรไปก็จะส่งผลกระทบต่อพรรค และตนก็ลำบากใจจริงๆ ที่ไม่สามารถออกจากมาพูดอะไรได้เลย เพราะอะไรหลายๆอย่างที่เป็นหลักฐาน เช่น แชตส่วนตัว
เพราะฉะนั้น เบื้องต้นขอโทษทุกคนอีกครั้ง ตนทราบว่าการที่เงียบแบบนี้ ทำให้หลายฝ่ายลำบาก ตนก็ไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร นอกจากนี้ถ้าพูดอะไรไม่ดีหรือผิดพลาดจะกระทบต่อความรู้สึกของทีมงานที่ผ่านสมรภูมิเลือกตั้งมาด้วยกัน
นอกจากนี้ ตนยังรอให้เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ได้มีการร้องเรียนไปที่กกต. และตนได้มีการขอให้พิสูจน์ในชั้นของ กกต.ซึ่งการเข้าสู่กระบวนการของ กกต.จะส่งผลให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งจะเป็นคนกลางที่จะมาตัดสิน และได้รับความเป็นกลางจากผู้ร้องเรียนและเชื่อมั่นในความยุติธรรมตรงนี้ได้ซึ่งตนบริสุทธิ์ใจและพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของกกต.จึงฝากให้ติดตามกระบวนการสอบสวนของกกต.ที่จะสืบหาข้อเท็จจริง และคิดว่าเป็นทางออกที่ดีกับทุกฝ่าย และไม่เป็นข้อครหากับพักก้าวไกลหากมีคำตัดสินเบาหรือหนัก
พร้อมยืนยันว่าคำร้องที่ผู้ร้อง ได้ร้องต่อพรรคก้าวไกลทุกกรณีตนไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ผู้ร้อง ร้องเรียนในเรื่องการคุกคามทางเพศ ซึ่งวันนี้ตนยัง ลงพื้นที่ทำงานทุกวัน 7 วัน อย่างหนัก
สิ่งที่ตนพยายามแสดงออกคือพยายามทำให้สังคมเห็นว่าทุกอย่างเป็นธรรมที่สุด ในฐานะผู้ถูกร้อง ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่เห็นหลักฐานว่าผู้ร้องมีหลักฐานอะไรบ้าง แต่เมื่อตนได้หลักฐานครบแล้วก็พร้อมชี้แจงทุกช่องทาง พร้อมยืนยันว่าจะสู้ในข้อเท็จจริง และไม่มีทางฟ้องผู้ร้องแน่นอน เพราะที่ผ่านมาในการทำงานมีความสัมพันธ์กับทุกคน วันนี้อาจจะมีการเข้าใจผิดอะไรก็ตามแต่ในฐานะ ลูกผู้ชาย และเป็นสส.ก็ยืนยันว่าจะไม่มีการฟ้องผู้ร้องแน่นอน แต่ในกระบวนการยุติธรรม ตนพร้อมให้กกตตรวจสอบและเมื่อได้หลักฐานเอกสารก็จะรีบชี้แจงทันที
ทั้งนี้ ตนยังมองว่าการเข้าสู่กระบวนการกกตเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะกระบวนการตรวจสอบของพรรคหากมีผลออกมาไม่ว่าจะเป็นบทลงโทษเบาหรือหนักก็อาจจะเป็นข้อครหาได้ ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการของกกต. แล้วมีการตัดสินว่าตนผิดจริงตนก็พร้อมจะลาออกจากพรรคก้าวไกล
การที่ตนออกมาพูดในวันนี้ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณไปถึงใคร แต่เพื่อเป็นการชี้แจงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ส่วนเรื่องนี้อาจเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ นายไชยามพวาน กล่าวว่า อย่างที่เห็นว่ามีกระบวนการดิสเครดิต ทั้งตนเองและในพื้นที่ มีกระบวนการที่พยายามดิสเครดิต ซึ่งมีหลักฐานให้เห็นกันอยู่ตนก็อยากพิสูจน์ข้อเท็จจริงในกระบวนการกกต. เพื่อพิสูจน์ว่ามีกระบวนการดิสเครดิตจริง
ทั้งนี้ บางช่วงของการสัมภาษณ์ นายไชยามพวานได้พยายามโค้งคำนับ เพื่อแสดงความขอโทษทุกคนที่ออกมาชี้แจงล่าช้า