xs
xsm
sm
md
lg

“อดีตผู้พิพากษา” ยก คนอิสราเอล แห่กลับรับใช้ชาติ ดึงสติ มีทหารไว้ทำไม “อัษฎางค์” ชี้ “เรือดำน้ำ” อย่ามองแค่เกมการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม จากแฟ้ม
ทหารมีไว้ทำไม! “อดีตผู้พิพากษา” ยกเรื่องคนอิสราเอลเกาะพะงัน แห่กลับรับใช้ชาติ ตอบคนบางกลุ่ม “อัษฎางค์” ชี้ “เรือดำน้ำ” คิดให้ดี ประโยชน์ชาติ กับเกมการเมือง “อดีตบิ๊ก ศรภ.” เตือน รมต. ระวัง “ตกเก้าอี้” ขืนเห็นเป็นเรื่องสนุก

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(30 ต.ค.66) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า

ภาพ นายชูชาติ ศรีแสง จากแฟ้ม
เมื่อวานได้คุยเจ้าของโรงแรมซึ่งอยู่ที่อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขาบอกว่า นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นคนอิสราเอลถูกรัฐบาลมีคำสั่งเรียกกลับประเทศทั้งหมดเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่เป็นทหาร

“นี่คือสิ่งที่อยากจะให้บุคคลบางกลุ่มที่ต้องการเลิกการเกณฑ์ทหารและถามว่าทหารมีไว้ทำไมได้รับรู้ไว้เพื่อประดับสติปัญญาบ้าง”

ภาพ นายอัษฎางค์ ยมนาค จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” หัวข้อ “ในสงครามทางเรือ เรือดำน้ำ คือ Force Multiplyer”

โดย ระบุว่า การมีเรือดำน้ำ เป็นกำลังทางเรือที่ทรงพลัง ที่สามารถทดแทนเรือผิวน้ำได้หลายเท่าตัว เนื่องจากเรือดำน้ำ สามารถยิงเรือผิวน้ำได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการมีเรือดำน้ำจึงเป็นการป้องปรามไม่ให้ทั้งเรือดำน้ำและเรือผิวน้ำของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาได้โดยง่าย เนื่องจากจะต้องใช้ resource เพิ่มขึ้นมากหลายเท่าตัว

ด้วยขีดความสามารถในการซ่อนพรางของเรือดำน้ำนี้จึงทำให้“เรือดำน้ำสามารถร่องหน”ไปได้ทุกที่เพราะไม่มีใครเห็น เรือดำน้ำอาจจะไปซุ่มโจมตีในพื้นที่ของข้าศึก โดยฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ตัว เช่น สามารถไปวางทุ่นระเบิดที่หน้าท่าเรือของข้าศึก ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษไปก่อวินาศกรรม หรือยังสามารถยิงทำลายที่หมายบนฝั่ง ของฝ่ายตรงข้ามเราได้โดยที่ข้าศึกไม่รู้ตัว ถ้าเรามีเรือดำน้ำ ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องใช้เรือฟริเกต 3-5 ลำ กับอากาศยานปราบเรือดำน้ำมาค้นหาและสู้กับเรือดำน้ำของเรา เพราะ“เรือดำน้ำโดยมากหาเรือดำน้ำด้วยกันไม่เจอ” ถ้าเราไม่มีเรือดำน้ำ ฝ่ายตรงข้ามก็เอาเรือฟริเกตมาลำเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการกับเราได้ง่ายๆ เพราะขีดความสามารถใกล้เคียงกัน

ดังนั้น การมีเรือดำน้ำจะเป็นกำลังทางเรือที่ทรงพลัง ทดแทนเรือผิวน้ำในทางสงครามได้หลายเท่า ในทางกลับกัน เรือผิวน้ำ ไม่มีศักยภาพการเป็น Force Multiplyer อย่างเรือดำน้ำ

Force Multiplyer คืออะไร ?

“Force Multiplyer” คือการต้องใช้เรือฟริเกต 3-5 ลำ ที่ต้องทำงานร่วมกับอากาศยานตรวจเรือดำน้ำ เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำมาทำงานร่วมกันจึงจะสามารถป้องกัน ต่อต้าน หรือปราบเรือดำน้ำได้จริง Submarine The Force Multiplier : https://www.spsnavalforces.com/story/?id=771…

ซึ่งจะเป็น “การดึงกำลังของฝ่ายตรงข้าม เข้ามาสาละวนกับเรือดำน้ำ”

“ถ้าเรามีเรือดำน้ำหลายลำปฏิบัติการอยู่ ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว”

ตอนนี้เราขาดเรือดำน้ำอยู่ แล้วถ้าไม่เอาเรือดำน้ำลำนี้ แล้วไปต่อเรือฟริเกตทดแทน อีกนานแค่ไหนจึงจะมีจำนวนเรือฟริเกตที่เพียงพอ เพราะเรือฟริเกตหลายลำก็มีอายุทำงานประมาณ 30 ปี ก็ต้องปลดประจำการในเวลาอันใกล้นี้แล้ว

ความเป็นกำลังทางยุทธศาสตร์ของเรือดำน้ำ

ถ้าเรามีเรือดำน้ำ ฝ่ายตรงข้ามจะต้องมีความยับยั้งชั่งใจ ในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในการที่จะส่งกำลังทางเรือเข้ามา หรือยกเลิกความคิดเลย เพราะกำลังเรือผิวน้ำของเขาจะถูกเรือดำน้ำทำลายได้โดยง่าย แต่ถ้าเราไม่มีเรือดำน้ำ ก็จะเป็นหมู 🐷 สำหรับเขาได้เลย

จะเห็นได้จาก เกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้ฝ่ายสหรัฐฯ และตะวันตก ไม่กล้ายุ่งกับเกาหลีเหนือ เพราะมีอาวุธนิวเคลียร์เป็นอาวุธยุทธศาสตร์ และยังมี เรือดำน้ำ ที่สามารถยิงขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ได้อีกด้วย ก็ไม่มีใครอยากไปยุ่งสักเท่าไหร่

นี่คือความเป็นกำลังทางยุทธศาสตร์ของเรือดำน้ำ

คิดกันดีแล้วหรือยัง คิดถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นใหญ่ หรือคิดถึงแต่ผลประโยชน์และเกมการเมืองของตนเองเท่านั้น”

ภาพ พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

“เวลาของรัฐบาล ที่คุณ ทักษิณ ดูแลอยู่ มักจะมีกำหนดเวลา ให้ รมต.อยู่กันคนละประมาณ 1ปี แล้วก็จะผลัดเวียน กันออกไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องตามปกติ ไม่เว้นแม้แต่ตัว นรม. ซึ่งคราวนี้ถือว่าเป็นคนนอกตระกูล ด้วย ดังนั้นจึงขอเตือนมาให้ทราบกัน รมต. คนที่ไม่ได้ออกไปจะต้อง มีผลงานเข้าตา ถึงจะอยู่รอดไปอีกปีหนึ่ง อย่ามาทำเล่นยึกยัก เช่น การเห็นเรื่องเรือดำน้ำเป็นเรื่องสนุกนะครับ”


กำลังโหลดความคิดเห็น