"เศรษฐา" สวมเนคไทสีส้ม-ถุงเท้าเขียว ตอบกระทู้ถามสดในสภาฯ ครั้งแรก แจงผลการเดินทางเยือนหลายประเทศ มั่นใจดึงการลงทุนเพิ่ม ยันหาทางช่วยแรงงานไทยกลับบ้านโดยเร็ว
วันนี้(26 ต.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ตอบกระทู้ถามสดต่อที่ประชุมสภาฯ เป็นครั้งแรก ตั้งแต่มีสภาฯ ชุดที่ 26 ซึ่งตั้งถามถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกฯว่าได้อะไรบ้าง ซึ่งตั้งถามโดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายเศรษฐากล่าวเริ่มต้นว่า “ผมให้เกียรติสภาฯ เสมอ หากไม่ติดภารกิจจำเป็นจะมาตอบกระทู้และข้อสงสัยของสส. เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่มีต่อฝ่ายนิติบัญญัติ วันนี้ผมใส่เนคไทสีส้มถุงเท้าสีเขียว”
จากนั้นนายเศรษฐา ชี้แจงต่อว่าถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาในหลายประเทศ ว่า ได้พูดคุยถึงการค้าขาย สินค้าเกษตร กับภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีความสนใจต้องการลงทุนในประเทศ รวมถึงการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมในประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีประเด็นการหารือตอนที่เดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียเพื่อขอให้ช่วยเจรจาในการปล่อยตัวประกันในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ในหลายประเทศที่เดินทางไป ตนยืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยพร้อมแล้ว เปิดแล้ว และดีแล้วที่จะมาลงทุน
นายเศรษฐา ชี้แจงด้วยว่าการรัฐบาลที่ผ่านมาเจรจากับภาคเอกชนให้ลงทุนในการผลิตรถยนต์ อีวี ตนไปสานต่อ เพื่อให้ลงทุนด้านซัพพลายเชน และลงทุนด้านอื่นๆ เพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอีในประเทศด้วย ในด้านองค์ความรู้ ซึ่งทีมงานของตนจะดำเนินงานต่อไป ส่วนการเจรจาเอฟทีเอ ได้รับความช่วยเหลือจากนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ ให้เร่งเจรจาและปิดดีลให้ได้ เพื่อให้สบายใจว่าในการลงทุนจะมีสนธิสัญญาและผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศ
นายเศรษฐา ยังตอบคำถามถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกลับประเทศหลังเผชิญเหตุการความรุนแรงในประเทศอิสราเอล ว่า ขณะนี้มีแรงงานที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ 8,000 คน และอพยพออกมาได้ยังเหลืออีก 4,000 คน ทั้งนี้ พบปัญหาใหญ่ใน 4-5 วันที่ผ่านมา ว่านายจ้างเสนอเงินเพิ่มเพื่อให้แรงงานไทยอยู่ต่อ ดังนั้นการแก้ปัญหา รัฐบาลจะใช้แผนซ้อนแผน คือ การหามาตรการช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานที่อพยพออกจากพื้นที่ โดยได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต่างประเทศที่ต้องการแรงงานไปทำงาน ซึ่งพบว่าได้ค่าแรงที่สูงเช่นกัน
นายเศรษฐา ชี้แจงด้วยว่ามาตรการเยียวยาของรัฐบาล ตามที่ได้ข้อเสนอจากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คือ การช่วยแรงงานที่เป็นหนี้สินซึ่งเกิดจากการจ่ายค่านายหน้าเพื่อให้ได้ไปทำงาน เฉลี่ย 1.5 แสนบาท ซึ่งจะหารือกับธกส. เพื่อให้สินเชื่อพิเศษเพื่อใช้หนี้ ผ่อนจ่ายระยะยาว 30 ปี ดอกเบี้ย 0.1% ขณะที่กระทรวงแรงงานสร้างแรงจูงใจในการจ้างงานสำหรับแรงงานที่มาจากอิสราเอลเพราะถือว่าเป็นแรงงานคุณภาพ ซึ่งรัฐบาลพร้อมทำเต็มที่เพื่อนำแรงงานไทยกกลับมาให้เร็วที่สุด
“ยืนยันว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อพาแรงงานกลับมาโดยเร็ว โดยไม่อยากใหคำนึงเรื่องเงิน มาก่อนเรื่องชีวิต และต้องเผชิญความเสี่ยง อย่างไรก็ดีจากเหตุที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงสภาพเศรษฐกิจ และฐานะคนไทย ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการยกกระดับชีวิตตนไทยทุกคน” นายเศรฐา ชี้แจง