ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ตามคำเรียกร้อง “ลุงตู่” อวดภาพสวีท “จารย์น้อง” ที่แดนปลาดิบ บอกจะไปเที่ยวอีกหลายที่ ตอกย้ำหลุดพ้นวงจรการเมืองแล้ว
ไม่ให้แฟนนานุแฟนคอยเก้อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จัดการโพสต์อวดภาพชุดทริปไปท่องเที่ยวที่ “แดนปลาดิบ” ประเทศญี่ปุ่นเป็นการส่วนตัวกับครอบครัว เมื่อสัปดาห์ก่อน ผ่านแฟนเพจ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการของตัวเอง
โดยเป็นภาพสวีทควงคู่ศรีภรรยา “อาจารย์น้อง” นราพร จันทร์โอชา ไปตามสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น แถมยังมีภาพ “ลุงตู่” ยืนรับประทานไอศกรีมโคน แบบสบายอารมณ์อีกด้วย
อดีตนายกฯคนที่ 29 ของประเทศไทย บรรยายด้วยว่า “นับเป็นครั้งแรกในกว่า 10 ปี ที่ผมได้มีโอกาสพาครอบครัวเดินทางไปเที่ยว พักผ่อนต่างประเทศ
ผมขอนำภาพส่วนตัวจากทริปนี้มาฝาก และหวังว่าจะได้มีโอกาสไปเที่ยวชมอีกหลายๆที่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ทั้งใน และนอกประเทศมีอีกมากมายครับ
ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ได้มีโอกาสพบคนไทยที่เข้ามาทักทายด้วยบรรยากาศมิตรไมตรี ผมขอบคุณทุกคน เพื่อเป็นกำลังใจและความระลึกถึงกันตลอดไปครับ”
ซึ่งการโพสต์ภาพครั้งนี้ ก็เป็นไปตามเสียงเรียกร้องของ “แฟนนานุแฟน” ที่อยากเห็นภาพ “ลุงตู่อินเจแปน” ท่องเที่ยวชิลล์ๆ กับเขาบ้าง หลังมีภาพจำขึงขัง-เจ้าอารมณ์ มาตลอดเกินกว่า 10 ปี ที่แบกอำนาจอยู่บนไหล่
ภาพที่ปล่อยออกมาดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะภาพคู่กับ “อาจารย์น้อง” ที่กลิ่นอายความโรแมนติกทิ่มตาคนโสดอย่างแรง
ส่วนตัว “พระเอก” ก็ยังคงไม่หลุดคาแรกเตอร์ อกผายไหล่ผึ่งตามประสาชาติชายทหาร ที่ไม่ได้เป็น“นายแบบ” มืออาชีพ
คนละอารมณ์กับ “พี่ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เพิ่งอวดภาพขณะเดินทางไปที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เสื้อผ้าหน้าผมมุมกล้อง ราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น
ในแคปชั่นภาพชุดนี้ “ลุงตู่”บอกไว้ด้วยว่า “…หวังว่าจะได้มีโอกาสไปเที่ยวชมอีกหลายๆที่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ทั้งใน และนอกประเทศมีอีกมากมายครับ”
เหมือนที่เคยบอกไว้กับกระจอกข่าวว่า หลังพ้นภาระหน้าที่ ก็อยากจะไปท่องเที่ยวแบบ “คนธรรมดา” เขาบ้าง
แล้วก็เป็นไปตามคำแนะนำของ “น้องนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน ที่เคยแนะนำ “พี่ตู่” ให้หาเวลาไปท่องเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศ ครั้งที่ “น้องนิด” เข้ามาเยี่ยมคารวะ แนะนำตัว และรับไม้ต่อที่ทำเนียบรัฐบาล
“ลุงตู่” ทิ้งท้ายด้วยว่า “…ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ได้มีโอกาสพบคนไทยที่เข้ามาทักทายด้วยบรรยากาศมิตรไมตรี ผมขอบคุณทุกคนเพื่อเป็นกำลังใจและความระลึกถึงกันตลอดไปครับ”
ถือเป็นบรรยากาศแตกต่างจากช่วงที่ “ลุงตู่” อยู่ในตำแหน่ง เพราะช่วงนั้นนอกจาก “ทีมขวา-ติ่งลุงตู่” แล้ว นอกนั้นหากเจอหน้ามีแต่โห่ฮา ขับไสไล่ส่ง แบบไปไหนมาไหนไม่สะดวก เพราะถูกกาหัวเป็น “คู่ขัดแย้ง”
มาวันนี้พอถอดหัวโขนแล้ว เชื่อว่า “ลุงตู่” ไปไหนมาไหนก็คงได้รับมิตรจิตมิตรใจ จากคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าฝักฝ่ายไหน “เหลือง-แดง-หลากสี” แต่อาจจะเว้น “ด้อมส้ม” ที่คงยังทำใจยอมรับไม่ได้
เป็นอานิสงส์ จากชอตชี้นกชี้ไม้ ส่งไม้ต่อให้ “นายกฯนิด” ที่ทำเนียบรัฐบาล แบบสมูธ ราบรื่นไร้รอยต่อ
แถมว่ากันว่า “ลุงตู่” ยังเป็น “พ่อยก” คนสำคัญของรัฐบาล ทั้งในการโหวตนายกฯ และมี“ค่ายลุงตู่” พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมรัฐบาลด้วย
เอาว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่ “ลุงตู่” จะได้ตระเวนเที่ยวอย่างสบายอารมณ์ ตามประสาคนถอนหัวโขน ลงจากหลังเสือ หลุดพ้นวงจรการเมือง ไปได้แล้ว
** “เศรษฐา”เร่งเครื่องติดสปีดศก.ไทย เตรียมหอบหิ้วเอกชนออกโรดโชว์ บอก10 ปีที่ผ่านมา ศก.ชะงัก จนตามหลังเพื่อนบ้าน
ช่วงสัปดาห์ก่อน “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” พาคณะที่ประกอบด้วยภาครัฐและเอกชน เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมประชุม เวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง หรือ BRF
โอกาสนี้ นายกฯได้พบและหารือข้อราชการกับ “ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง” ของจีน และ “ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน” ของรัสเซีย และยังได้พบกับภาคธุรกิจเอกชน ระดับ “บิ๊กเนม” ทั้ง "CITIC-CRRC- ผิงอัน-เสียวหมี่-อาลีบาบา" และอื่นๆ อีกประมาณ 10 บริษัท
โดยนายกฯเชิญชวน CITIC มาลงทุนด้านพลังงานสะอาด รถยนต์ EV ในไทย, ชวน CRRC ลงทุนคมนาคมขนส่ง-BCG Economy-EV, ชวน “ผิงอัน” ผู้ให้บริการทางการเงิน มาขยายการลงทุนประกันภัยในไทย , ชวน Xiaomi ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีนวัตกรรมขั้นสูง มาขยายตลาด-ลงทุนไทยมากขึ้น รวมทั้ง ชวน Alibaba ขยายการลงทุนดิจิทัล-โลจิสติกส์-Cloud Service ในไทย
“เศรษฐา” บอกว่าไทยมีข้อได้เปรียบในการลงทุนเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ เพราะทำเลที่ตั้งของไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และเรายังมีโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะย่นระยะทางการคมนาคมขนส่งทางเรือ จากทะเลอ่าวไทย ไปฝั่งอันดามัน โดยไม่ต้องผ่านสิงคโปร์
เมื่อกลับมา “นายกฯเศรษฐา” ก็ขันน็อตครม. ให้เร่งรัดทำผลงานให้ออกมาเป็นรูปธรรม แบบ “ควิกวิน” ส่วนตัวเองก็เดินสายปาฐกถา โชว์วิชั่น การพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ อย่างเช่นเมื่อวันวาน (25ต.ค.) ช่วงเช้า ก็ไปกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เร่งเครื่องติดสปีดเศรษฐกิจไทย” ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ตกบ่ายก็ไปปาฐกถา ในงาน AMCHAM's Annual General Meeting ที่โรงแรม The Athenee ถนนวิทยุ
“เศรษฐา”บอกว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีประเทศไทย เติบโตต่ำมาก เฉลี่ยปีละ 1.8% แต่หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูงมาก จนติดอันดับท็อปเท็นของโลก โจทย์สำคัญของรัฐบาลคือ ต้องหาทางกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การใช้นโยบายประชานิยม
หลังจากนี้ การเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี จะไม่ใช่ไปเพื่อแนะนำตัวเพียงอย่างเดียว แต่เราจะมีนักธุรกิจ องค์กรภาคธุรกิจ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม ไปด้วย เพื่อไปเปิดตลาดใหม่ๆ ไปเชื้อเชิญนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศเรา ไปบอกเขาว่าขณะนี้ประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมรับการเข้ามาลงทุนแล้ว
“เศรษฐา” ยังบอกว่า ที่เดินหน้าเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ เพราะมีความตั้งใจว่า ไม่อยากให้ประเทศไทยตกอยู่ในกับดักของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง อยากจะยกระดับอุตสาหกรรมไทยทั้งหมด ผ่านศักยภาพที่เรามีอยู่ ประเทศไทยเรามีศักยภาพสูงในหลายๆด้าน และพวกเราทุกคน ก็มีส่วนที่จะช่วยกันผลักดันให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าให้ได้
ในอนาคต ไทยจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่น่ายินดีคือเร็วๆนี้ ซีอีโอ Apple ก็จะมาพบเพื่อหารือถึงแนวทางการขยายการลงทุน และพัฒนาเทคโนโลยีด้วย
“เศรษฐา” บอกว่าช่วงเวลาประมาณ 2 เดือน ที่เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ได้มีการพบปะ พูดคุยกับนักธุรกิจมากหน้าหลายตา ทุกคนไม่มีใครแสดงความคิดเห็นในเชิงลบกับเรา แถมมีบางบริษัทที่สนใจ อยากจะเข้ามาตั้งโรงงานในไทย มาขอสิทธิพิเศษด้านภาษี
นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการจะไปร่วมประชุมเอเปก ที่สหรัฐอเมริกา ก็จะเป็นโอกาสในการนำภาคเอกชนไปโรดโชว์ เพื่อเชิญชวนภาคธุรกิจมาลงทุนในประเทศไทย อีกครั้ง