xs
xsm
sm
md
lg

“3 ป.” แผลงฤทธิ์! “ปปป.-ป.ป.ท.-ป.ป.ช.” ร่วมกันรวบ “แก๊งลูกเขยชาดา” เรียกหัวคิวผู้รับเหมาก่อสร้าง **ประกาศิตจากชั้น 14 ไม่ให้ “แรมโบ้” เข้าสภา “รวมไทยสร้างชาติ”เลยวุ่น !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**“3 ป.” แผลงฤทธิ์! “ปปป.-ป.ป.ท.-ป.ป.ช.” ร่วมกันรวบ “แก๊งลูกเขยชาดา” เรียกหัวคิวผู้รับเหมาก่อสร้าง

ตำรวจ ปปป. สนธิกำลัง ป.ป.ช.-ป.ป.ท. ซ้อนแผนค้น 8 จุด อุทัยธานี จับ 'ลูกเขยชาดา' คาเงินของกลาง 6 แสนบาท หลังเรียกเงินผู้รับเหมาก่อสร้างระบบน้ำประปา แบ่งหน้าที่ ตั้งแต่ขั้นตอนเสนอราคา จนถึงสัญญารับจ้างแล้วเสร็จ -ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ เตรียมขยายผลต่อ

เป็นอีกข่าวใหญ่ในยุทธจักรการเมือง เมื่อ “3 ป.” ประกอบด้วย ตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” โชว์ผลงานจับกุมขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐ “กินหัวคิว” รายใหญ่

โดย “ซ้อนแผน” ลุยตรวจค้น 8 จุด ในจ.อุทัยธานี ตามที่ได้รับการร้องเรียนจาก “ผู้รับเหมา” ที่ระบุว่า ถูกเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงินสิบบนในโครงการก่อสร้างระบบประปา พื้นที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน และ ต.หาดทนง อ.เมืองฯ จ.อุทัยธานี

จับกุมผู้กระทำผิดได้ 5 ราย เป็น 3 เจ้าหน้าที่รัฐ ประกอบด้วย 1.นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศบาลตลุกดู่, 2.นายธนภัสสร์ ดุลยาธิการ ตำแหน่งปลัดเทศบาลตลุกดู่ และ 3.นายกุลธัช สามัคคี ผู้ช่วยนายช่างโยธาเทศบาลตลุกดู่ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และ ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

อีก 2 รายเป็นพลเรือนให้การสนับสนุนการกระทำความผิด คือนายมานพ ติดติมานพ และ นายยิ่งยง คชาชาญ

วีระชาติ รัศมี
ทั้งนี้ “ผู้รับเหมา” ร้องเรียนว่า ช่วงที่เข้ายื่นประมูลผ่าน e–bidding หรือ วิธีประกวดราคาผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ โครงการก่อสร้างระบบท่อน้ำประปา 2 โครงการ ในพื้นที่ ต.ตะลุกดู่ และต.หาดทะนง ได้มี “บุคคลปริศนา” โทรศัพท์มาข่มขู่ให้ถอนตัว อ้างว่ามี “ผู้ใหญ่” อยากได้โครงการนี้ไปทำ พร้อมเสนอเงินค่าเสียเวลาให้หลายหมื่นบาท แต่ได้ปฏิเสธไป กระทั่งชนะการประมูลได้รับงานทั้ง 2 โครงการ ถูกต้องตามขั้นตอน

แต่หลังจากชนะการประมูล กลับไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ โดยอ้างว่า มี “อิทธิพลมืด” ล็อบบี้สั่งห้ามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แคมป์ปูนซีเมนต์ทุกแห่งในพื้นที่ จ.อุทัยธานี ห้ามขายปูน หรืออุปกรณ์ให้ จนขาดแคลนวัตถุดิบ ไม่สามารถดำเนินงานจัดสร้างได้ตามแผนที่วางไว้

ต่อมาประมาณเดือน ก.ย.66 ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อให้เข้าพบ “นายกฯวีระชาติ” ถึง 3 ครั้ง โดยมีการยื่นข้อเสนอให้ยอมจ่ายเงิน 1 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการละ 5 แสนบาท เพื่อที่จะสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการทั้ง 2 แห่ง ได้ตามปกติ แต่ก็ได้เจรจาต่อรองเหลือ 6 แสนบาท และนัดหมายส่งมอบเงินกัน ในวันที่ 24 ต.ค.66 ที่บริเวณด้านหน้าธนาคาร ธ.ก.ส. สาขา อ.เมืองฯ จ.อุทัยธานี ขณะเดียวกัน “ผู้รับเหมา” ก็ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงาน “3 ป.” นำมาสู่การซ้อนแผนเข้าจับกุมดังกล่าว

โดยจับกุม นายมานพ และ นายยิ่งยง เป็นผู้เดินทางมารับเงินได้ก่อน และขยายผลตามจับกุมตัว นายวีระชาติ และ พวกอีก 2 ราย

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้คงต้องยืมคำของสำนักงานป.ป.ช.ที่ว่า “ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาล อันถึงที่สุด” เสียก่อน

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ ไม่ใช่กรณี “เรียกหัวคิว” ที่ว่ากันว่า มีอยู่ถมถืดทั่วประเทศ โดยเฉพาะโครงการของ“ท้องถิ่น”

ชาดา ไทยเศรษฐ์
แต่ที่ไม่ธรรมดาขึ้นมา ก็เพราะเป็นที่รู้กันว่า “นายกฯวีระชาติ” เป็น “ลูกเขย” ของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย เจ้าของสมญา “เจ้าพ่ออุทัยธานี”

เป็น “ชาดา” เจ้าของรหัส “มท.3” ที่ได้รับมอบหมาย เป็นเจ้าภาพในการจัดการมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ซึ่งครั้งหนึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับเองว่า จ.อุทัยธานี เป็นพื้นที่ที่มีผู้อิทธิพลมากที่สุดในประเทศ และ จะ“กวาดบ้านตัวเอง” โดยเริ่มนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ จ.อุทัยธานี

การที่คนระดับ “ลูกเขยรัฐมนตรี” ยังถูกจับกุมได้ ทั้งที่มีตำแหน่งแห่งที่ใหญ่โตในรัฐบาล ถือเป็นสัญญาณขู่เข้มๆ จาก “3 ป.” ที่ย่อมได้รับไฟเขียวจาก “บิ๊กรัฐบาล” ว่า หากใครทำผิด ก็จะถูกจับกุมดำเนินคดีแบบไม่เลือกปฏิบัติ

เรื่องนี้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ “ชาดา” สังกัดอยู่ บอกว่า ได้ทราบรายงานจาก “ชาดา” แล้ว ว่าผู้ที่ถูกจับกุมเป็นลูกเขยตัวเอง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า ไม่มีใครมีเส้นสาย และไม่มีใครใหญ่เกินกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นญาติ เป็นลูกเต้า ถ้าทำผิดกฎหมาย กฎหมายต้องทำงาน เป็นเรื่องปกติ

โดย “ชาดา” เองก็ได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีแล้ว ถ้ามีหลักฐานต้องสั่งให้นายกเทศมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ใครทำผิดต้องได้รับผลกรรมตามความผิดที่ตัวเองก่อ

“เสี่ยหนู” ยังกระเซ้าด้วยว่า "ไม่รู้ว่า ท่านชาดาสั่งจับเองหรือเปล่า"

หากเป็นจริงตามคำกระเซ้าของ “มท.1” ก็ยิ่งตอกย้ำว่า รัฐบาลเอาจริง เจ้าภาพนโยบายอย่าง “ชาดา” ก็เอาจริง!!

**ประกาศิตจากชั้น 14 ไม่ให้ “แรมโบ้” เข้าสภา “รวมไทยสร้างชาติ”เลยวุ่น !!

เสกสกล อัตถาวงศ์
เมื่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ถอยห่างทางการเมือง เด็กๆสายลุงตู่ ในพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เลยเคว้ง ไม่ว่าจะเป็น “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ออกมาตั้งพรรคไว้รองรับลุงตู่... “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น อดีต รมว.แรงงาน ที่ยกทีมตามไปรับใช้ลุงตู่ รวมทั้ง “เสี่ยแด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต่างถูกแรงกดดัน ถูกลดบทบาท

ขณะเดียวกัน กลุ่มอดีต กปปส. ที่มาจากประชาธิปัตย์ ก็ได้โอกาสยึดพรรคเบ็ดเสร็จ

คลื่นใต้น้ำในพรรครวมไทยสร้างชาติจึงกระฉอกออกมาให้เห็น นั่นคือ “เสกสกล อัตถาวงศ์ -บุญยอด สุขถิ่นไทย” ลาออกจากสมาชิกพรรค... ส่วน“สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” อดีตรองนายกฯและรมว.พลังงาน คู่บารมีลุงตู่ ก็ลาออกจากการเป็น สส. แต่ไม่ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค ยังคงเป็นประธาน สส.ของพรรค และเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรคอยู่

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

 สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
ขณะเดียวกัน “ถาวร เสนเนียม” อดีต รมช.คมนาคม อดีตแกนนำพรรคไทยภักดี และอดีตแกนนำ กปปส. ก็มาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” แกนนำพรรค “วิทยา แก้วภราดัย” สส.บัญชีรายชื่อ มารอให้การต้อนรับ

จุดที่น่าสนใจนั้นอยู่ตรงที่ “แรมโบ้” เป็นผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 15 ซึ่งตอนนี้ ลำดับที่ 14 ได้เป็นส.ส.แล้ว หากในลำดับที่ 1-14 มีใครลาออก “แรมโบ้ ก็จะได้เป็นสส. ขณะเดียวกัน ถ้า“แรมโบ้” สละสิทธิ์ หรือลาออกจากพรรค ผู้ที่จะเลื่อนขึ้นมาแทน ก็คือ “แม่เลี้ยงติ๊ก” ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตแกนนำกปปส. จากภาคเหนือ ซึ่งอยู่ลำดับที่ 16

เพื่อจะให้ “แม่เลี้ยงติ๊ก” ได้ขึ้นมาเป็นส.ส. มีบทบาทในสภาฯ แรงกดดัน จึงตกมาที่ “แรมโบ้” มีการเจรจาขอให้สละสิทธิ์ และจะให้ไปทำงานอยู่ “เบื้องหลัง” โดยเพิ่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารองนายกฯ (พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค)

ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
บทบาทในช่วงที่ผ่านมา แรมโบ้ เป็น “องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” ขณะเดียวกันก็ถล่ม “ทักษิณ ชินวัตร “เจ้านายเก่า แบบไม่เหลือดี แต่วันนี้ ทักษิณ กลับมาแล้ว และว่ากันว่ามีสัญญาณจาก “ชั้น 14” ลงมาว่า สภาชุดนี้ต้องไม่มี แรมโบ้!!

“แรมโบ้” จึงต้องลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยเหตุนี้

ส่วน “บุญยอด สุขถิ่นไทย” ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 31 เห็นว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีอนาคต จึงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค กลับไปทำงานด้านสื่อสารมวลชน ร่วมกับ “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก ที่ตอนนี้ไปยึดหัวหาดที่แนวหน้า

สำหรับ “สุพัฒนพงษ์” สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 ของพรรค ที่ช่วงก่อนฟอร์มครม.ก็มีชื่อได้ลุ้นเป็น รมว.พลังงาน เพื่อสานานต่อ แต่สุดท้ายก็วืด ไม่มีตำแหน่งใดๆในรัฐบาล มีเพียงหัวโขนในพรรค แต่เมื่อคลื่นลมแรงจนต้านไม่ไหว จึงต้องลาออกจากการเป็นสส. เพื่อให้ “แม่เลี้ยงติ๊ก” ได้ขยับขึ้นมาเป็นสส.แทน ตามความต้องการของแกนนำพรรค

หลังจากนี้คลื่นลมจะสงบ หรือจะยังปั่นป่วนจน “ก๊วนเสี่ยเฮ้ง”อยู่ไม่ได้ ...ต้องติดตาม!!


กำลังโหลดความคิดเห็น