xs
xsm
sm
md
lg

“อดีตรองอธิการ มธ.” ชี้เปรี้ยง “รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์” ลำบากใจที่สุด ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ ส่ง “นช.ทักษิณ” กลับคุก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นช.ทักษิณ นอนบนเตียงรถเข็น จากแฟ้ม
“อดีตรองอธิการ มธ.” จับพิรุธหลายอย่าง ชี้เปรี้ยง“รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์” ลำบากใจอย่างที่สุด ไม่มีใครกล้าตัดสินใจส่ง “นช.ทักษิณ” กลับคุก ขณะกรมราชทัณฑ์ ยัน ผ่าตัดจริง พร้อมแจงสถิติเคยมีรักษานอกคุก เกิน 120 วันมาแล้ว 4 ราย

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(24 ต.ค.66) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“กรมราชท้ณฑ์เพิ่งจะออกแถลงการณ์ว่า แพทย์โรงพยาบาลตำรวจมีความเห็นว่า นายทักษิณ ชินวัตรมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาและพักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไป คุณนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) หลังจากได้เข้าพบรองแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจแถลงว่า แพทย์ได้ชี้แจงว่า แพทย์เพียงให้ข้อมูลว่าคนไข้คือนายทักษิณป่วยเป็นอะไร และต้องได้รับการรักษาอย่างไร แต่ไม่เคยให้ความเห็นว่าจำเป็นต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อไปหรือไม่ การตัดสินใจว่าจะให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อไปหรือไม่ เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ และยังคงยืนยันว่า อาการป่วยของนายทักษิณ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นสิทธิตามกฎหมายของผู้ป่วยที่จะไม่เปิดเผย

ยังไม่เคยมีใครมาก่อนที่เป็นนักโทษเด็ดขาด ต้องโทษจำคุก เดินทางมามอบตัวเพื่อรับโทษ แต่ยังไม่เคยต้องเข้าเรือนจำเลยแม้แต่วันเดียวเป็นเวลา 60 วันแล้ว และยังไม่เคยมีมาก่อนที่นักโทษที่เป็นที่สนใจของประชาชน มีอาการป่วยแต่สามารถปกปิดเป็นความลับไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเช่นนี้ สุดท้ายแถลงว่าต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกหลังจากที่มีภาพนอนบนเตียงรถเข็น มีข่าวว่ากำลังไปรับการตรวจ MRI แต่ก็ไม่บอกรายละเอียดใดๆ

อาการโยนกันไปมาระหว่างโรงพยาบาลตำรวจและกรมราชทัณฑ์แสดงถึงความลำบากใจอย่างถึงที่สุดของทั้ง 2 หน่วยราชการ

นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหน้าฉากต่างก็เล่นบทวางเฉย โยนเรื่องนี้ไปให้เป็นการตัดสินใจของโรงพยาบาลตำรวจและกรมราชทัณฑ์ ไม่ทราบว่านายทักษิณมีอาการป่วยถึงขั้นจำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไปจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆก็คือ ทั้งโรงพยาบาลตำรวจและกรมราชทัณฑ์ ไม่มีใครกล้าตัดสินใจให้ส่งตัวนายทักษิณเข้าเรือนจำ

นี่คือความยิ่งใหญ่ของนายทักษิณ ชินวัตร จริงๆ ต้องโทษจำคุกแต่ไม่ต้องการติดคุกแม้แต่วันเดียวก็ไม่ต้องเข้าเรือนจำ สร้างตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวพรรคซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในพรรคการเมือง แล้วให้ลูกสาวมานั่งในตำแหน่งที่สร้างขึ้น และให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งก็ทำได้ โดยผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสในพรรค ต่างก็สยบยอมโดยดี ไม่มี “หือ” ไม่มี ” อือ” เลยแม้แต่คนเดียว เมื่อหัวหน้าครอบครัวยืนให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน แม้แต่นักการเมืองอาวุโสซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใหญ่ ก็ยังต้องยืนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ด้านหลัง

ในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ทำท่าว่าจะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค หากเป็นจริง อยากทราบว่าบรรดานักการเมืองที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ที่แต่ละคนอยู่มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย มีประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างมากมาย เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆกันทั้งนั้น ยอมให้เด็กสาวอายุเพิ่งจะ 37 ปี ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง ไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆทางการเมืองมาก่อนเป็นหัวหน้าพรรคได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะเป็นคำสั่งจากชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หลายคนที่ดูจะพอมีอุดมการณ์อยู่บ้างดูเหมือนจะมีอุดมการณ์ไม่มากพอที่จะทักท้วงหรือคัดค้านการตัดสินใจครั้งนี้เลยแม้แต่คนเดียว

น่าเศร้าใจที่ประชาชนยังคงเลือกพรรคการเมืองนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เข้ามาเป็นอันดับ 1 เพิ่งเสียตำแหน่งลงไปเป็นอันดับ 2 ให้กับพรรคของคนรุ่นใหม่ ที่มีนโยบายหวือหวาท้าทายสุดโต่ง แต่ละนโยบายส่อแววว่าหากนำไปปฏิบัติแล้วจะเกิดคามวุ่นวาย และมีความน่ากลัวเนื่องจากหลายนโยบายเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงเกินไป

ภาพ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร จากแฟ้ม
มีข่าวดีอยู่บ้างตรงที่ มีนักพยากรณ์ที่น่าเชื่อถือท่านหนึ่งพยากรณ์ว่า หลังราหูย้ายเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม แม้จะมีสงคราม กระทั่งอาจมีภัยพิบัติ แต่สำหรับประเทศไทย กลับเป็นเรื่องดีที่ประเทศจะมีความแข็งแกร่งขึ้น มีความมั่นคงมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ สังเกตว่าสถานการณ์ดังกล่าวนี้ พ้องกับการที่พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่กำลังเสื่อมถอย เนื่องจากพฤติกรรมและการกระทำที่แสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นในช่วงนี้ ล้วนสวนทางกับอุดมการณ์และคำพูดหล่อๆของบรรดาแกนนำทั้งหลาย ล่าสุดมีข้อมูลที่แฉว่าส.ส.ร่วม 20 คน มีคดีอาญาติดตัวกันคนละหลายคดี ยังไม่ต้องพูดถึงส.ส.ที่กำลังถูกดำเนินคดีอาญาแต่คดียังไม่สิ้นสุดอีกหลายคน แต่ละคนส่อแววว่า หากไม่มีการผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมโดยเร็ว ก็จะต้องไปนอนในเรือนจำค่อนข้างแน่

เรามาคอยดูกันต่อไป”

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ อ้างว่า ได้รับรายงานจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 23 ต.ค.66 เวลาประมาณ 09.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร ได้ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดออร์โธปิดิกส์ จนถึงเวลา 14.00 น. หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น ได้มาพักที่ห้องไอ ซี ยู ศัลยกรรมประสาท (Neurosurgical Intensive Care Unit : NICU)

โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่และดูแลความเรียบร้อยต่อไป

กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงข้อมูลให้สังคมรับทราบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการส่งผู้ต้องขังออกไปรักษาภายนอกเรือนจำอยู่แล้วทั้งไปกลับ หรือต้องนอนพักรักษาตัว ด้วยภาวะโรคต่างๆ และมีสถิติสะสมการส่งผู้ต้องขังป่วยออกรักษาพยาบาลนอกเรือนจำ นานเกิน 30 วันขึ้นไป ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 - ปัจจุบัน รวม 149 ราย แบ่งเป็น เกินกว่า 30 วัน จำนวน 115 ราย เกินกว่า 60 วัน จำนวน 30 ราย และเกินกว่า 120 วัน จำนวน 4 ราย (ข้อมูลสถิติกองบริการทางการแพทย์)


กำลังโหลดความคิดเห็น