ข่าวปนคน คนปนข่าว
** อาลัย“อาศิส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรี คนที่ 18
“อาศิส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรีคนที่ 18 ได้กลับสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์ ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของพี่น้องคนไทย
สำนักจุฬาราชมนตรี ได้เผยแพร่ประกาศสำนักจุฬาราชมนตรี เรื่อง การถึงแก่อนิจกรรมของจุฬาราชมนตรี “แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราต้องกลับไปสู่พระองค์”
ความว่า..ตามที่ “อาศิส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรี ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
สำนักจุฬาราชมนตรีขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า “อาศิส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรี คนที่ 18 ได้กลับสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์ (ถึงแก่อนิจกรรม) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566 เวลา 10.32 น. และจะจัดพิธีละหมาดญะนาซะห์ หรือ ละหมาดขอพร ในวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา
“อาศิส พิทักษ์คุมพล” เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2490 เป็นคนจังหวัดสงขลา โดยสืบเชื้อสายมาจาก“สุลต่าน สุลัยมาน ชาห์” ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
ศึกษาสายสามัญในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านหัวเขา ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา และในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสงเคราะห์ประชา อ.เมืองฯ จ.สงขลา
สำหรับสายศาสนานั้น ศึกษาที่ปอเนาะอัลนาซอนีย๊ะ อ.จะนะจ.สงขลา และที่ปอเนาะตุยง (ปัจจุบันคือ โรงเรียนสกุลศาสน์อิสลาม) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
หลังจาก “ประเสริฐ มะหะหมัด” ได้รับการโปรดเกล้าฯให้เป็นจุฬาราชมนตรี ได้เสนอชื่อ “อาศิส พิทักษ์คุมพล” เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้เป็น กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และได้มอบหมายให้ดูแลงานวิชาการร่วมกับ “วินัย สะมะอุน”
ต่อมาในปี 2530 ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาได้ถึงแก่กรรม คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “อาศิส” เป็นประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้มาโดยตลอด และ เมื่อพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 ได้ประกาศใช้ โดยกำหนดให้ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ประกอบด้วยกรรมการผู้ที่เป็นผู้แทนของแต่ละจังหวัด ซึ่ง “อาศิส” ก็ได้รับการเลือกให้เป็นผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาในคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย โดยเคยดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ และรองประธานกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ในชุดที่มี “สวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์” อดีตจุฬาราชมนตรี เป็นประธานกรรมการ
ในปี 2539 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา สัดส่วนผู้นำศาสนาอิสลาม นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นที่ปรึกษากระทรวงศึกษาธิการในการจัดทำหลักสูตรอิสลามศึกษาเพื่อใช้ในสถานศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ได้แต่งตั้งให้เป็นกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) เพื่อศึกษาปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาตใต้ และเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว
วันที่ 16 พฤษภาคม 2553 ได้รับลงคะแนนเสียงเป็น อันดับ 1 จากกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศให้ดำรงตำแหน่ง “จุฬาราชมนตรี” ตามพ.ร.บ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งนับโดยเป็นคนที่ ๒ ต่อจาก “สวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์”และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นจุฬาราชมนตรี คนที่ ๑๘ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2553 เป็นต้นมา
วันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่ได้ปฏิเสธการรับตำแหน่งนี้ในภายหลัง โดยให้เหตุผลว่า ตำแหน่ง “จุฬาราชมนตรี” เป็นผู้นำศาสนาอิสลามในไทย ไม่สมควรรับตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง
“ข่าวปนคน คนปนข่าว” ขอร่วมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ“อาศิส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรี คนที่18 มา ณ ที่นี้ด้วย
**ความ"ทักษิณ" ยังคาใจ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ขาโหดพัทลุง "ป่วยทิพย์" หนีคุก ทำงานเข้าราชทัณฑ์ซ้ำ!
ราชทัณฑ์ช่วงนี้จัดว่างานเข้ารัวๆ ก่อนนี้ก็ถูกตั้งคำถาม "ทักษิณ ชินวัตร" "ป่วยทิพย์" เพื่อที่จะได้อยู่ต่อโรงพยาบาลตำรวจยาวๆหรือไม่? ยังคาใจ
ไม่ทันเคลียร์กับสังคมก็มาถึง เหตุการณ์ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" เชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี นักโทษในหลายคดีดังของนครศรีธรรมราช และ พัทลุง ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำนครศรีธรรมราช แต่แสร้งป่วยเพื่อให้ถูกนำตัวส่ง รพ.มหาราชฯ สบโอกาสหนีไปแบบชิลชิล เข้าอีกดอก
“เสี่ยแป้ง” คนนี้ประวัติคดีธรรมดาซะที่ไหน ถูกศาลจังหวัดพัทลุง สั่งจำคุก 20 ปี 6 เดือน จากการร่วมกับพวก ได้เข้าปล้นผู้ต้องหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 ขณะจับกุมคดียาเสพติด และยังมีคดีเกี่ยวกับความผิดต่อชีวิต ร่างกาย ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ในกระบวนการยุติธรรม เป็นการยิงเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ
นอกจากนั้น ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอีกหลายคดี เช่น คดีสมคบค้ายาเสพติด คดีฟอกเงิน คดีร่วมกันฆ่า เช่น คดีการลอบฆ่า "อนันต์ คลังจันทร์" อดีต นายก อบจ.นครศรีธรรมราช
นอกจากนั้น ยังพบข้อมูลอีกว่า เจ้าหน้าที่ ปปง.ได้เข้าอายัดทรัพย์สินของ “เชาวลิต” ที่ จ.สงขลา ที่นำเอาไปฝากไว้กับพี่สาวมูลค่าสูงถึง 150 ล้านบาท หลังจากมีการเตรียมเงินไว้เป็นทุนที่เชาวลิตกำลังเคลื่อนไหวลงสมัคร ส.อบจ.พัทลุง
ระหว่างเคลื่อนไหวหาเสียง “เสี่ยแป้ง” ถึงกับใช้รถเบนซ์กันกระสุนเป็นพาหนะ แต่เพราะต้องคดีร้ายแรงก่อนหน้าหลายคดี จึงต้องมาวิ่งเต้นคดีแทนหาเสียง
ว่ากันว่า “เสี่ยแป้ง” แกล้งป่วยทิพย์ได้เตรียมการล่วงหน้ามาหลายวันแล้ว โดยเชื่อกันว่า น่าจะออกมาล้างแค้นผู้เกี่ยวข้องในคดีอย่างน้อย 2 คน ที่ขาโหดรายนี้ปักใจว่าเป็นเหตุให้ตัวเองแพ้คดีจนต้องติดคุก
“เสี่ยแป้ง”เริ่มถูกจองจำตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 ที่เรือนจำความมั่นคงสูง เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และได้ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ คุมตัวมาทำการรักษาทันตกรรมตามการนัดของแพทย์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 แต่หลังจากที่ส่งตัวมาถึงนั้น แพทย์ได้ทำการเลื่อนนัด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงคุมตัวกลับ
ปรากฏว่า “เชาวลิต” เกิดอาการวูบหมดสติ แพทย์จึงให้เข้ารักษาตัวอยู่ที่ ตึก 298/2 อายุรกรรม ชั้น 6 โดยที่ขาทั้งสองข้างมีตรวนเหล็กพันธนาการ และเมื่อรักษาตัวบนหอผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ยังมีโซ่ล่ามพันธนาการกับเตียงอีกชั้น
กำหนดเดิมแพทย์จะให้ “เสี่ยแป้ง” ออกจาก รพ.ในเช้าวันอาทิตย์ แต่ว่าหลังเที่ยงคืน เสี่ยแป้งก็หลบหนีไปเรียบร้อย
ฟังว่า ก่อนนี้ “เสี่ยแป้ง” อยู่ในการคุมตัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จำนวน 2 คน เมื่อทั้งสองคนมายังเตียงที่คุมตัวนักโทษรายนี้ ปรากฏว่าเหลือแค่โซ่สำหรับพันธนาการยึดตรวนข้อเท้าไว้ดูต่างหน้า
ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า “เสี่ยแป้ง” ไขกุญแจเดินออกมาจากหอผู้ป่วย ลงลิฟต์จากชั้น 6 ลงไปชั้นล่างแบบลอยนวลดังกล่าว
ต่อมายังเจออีกว่า หลังจากทราบเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กลับไม่ได้แจ้งตำรวจทันที ปล่อยเวลาล่วงเลยถึง 3 ชั่วโมง จึงเข้าแจ้งความ
งานนี้ ไม่รู้หวยจะไปออกที่เจ้าหน้าที่คนไหน ? อย่างที่บอก "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ไม่ธรรมดา ถือเป็นขาใหญ่ และเป็นนักการเมืองท้องถิ่นด้วย จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้คงต้องติดตาม