เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่าเป็นไปตาม “สเต็ป” หรือตามแผนที่วางเอาไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่มีผิด หลังจากได้เห็นรายงานจากหลายสื่อตรงกัน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบายถึงเหตุผลที่ยังต้องรักษาอาการ นายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไป โดยอ้างการวินิจฉัยของแพทย์ ขณะเดียวกัน ก็อ้างความลับไม่ให้เปิดเผยข้อมูลของคนไข้ ทั้งในเรื่องของจรรยาบรรณของแพทย์ และสิทธิของคนไข้
รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์ แจ้งว่า จากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาเด็ดขาดในคดีทุจริต 3 คดี ที่อยู่ในการควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 และได้ออกจากเรือนจำในคืนแรกไปพักรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนครบกำหนด 60 วัน ในวันที่ 22 ตุลาคม นั้น ล่าสุดอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ลงนามให้นายทักษิณ อยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไป ตามความเห็นของแพทย์ และจะนำเสนอต่อปลัดกระทรวงยุติธรรมทราบ ตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนระยะเวลาที่นายทักษิณต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ อีกนานเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเห็นของคณะแพทย์ผู้รักษาซึ่งต้องมีการพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่า จะมีการออกเอกสารชี้แจงในนามของกรมราชทัณฑ์ โดยอ้างถึงกฎกระทรวง ว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ซึ่งกรณีของนายทักษิณ กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานความเห็นจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจแล้ว โดยระบุเหตุผลความจำเป็นที่นายทักษิณ ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไป เพราะการรักษายังไม่สิ้นสุดหลังได้รับการผ่าตัด
แม้ว่าจะยังไม่ใช่เป็นการแถลงออกมาจากปากของอธิบดีกรมราชทัณฑ์โดยตรง หรือเป็นเอกสารข่าวของกรมราชทัณฑ์ รวมไปถึงจากเรือนจำก็ตาม แต่น่าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และเป็นการลงนามจริง ของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพียงแต่ว่าต้อง “กระมิดกระเมี้ยน” ประเภท “ไม่ถามก็ไม่ตอบ” อะไรประมาณนั้น เพราะมันเป็นเรื่อง “ความลับ” เปิดเผยไม่ได้ หากชาวบ้านรู้มาก มันจะทำให้การบริหารจัดการได้ยาก
แน่นอนว่า จากข่าวดังกล่าวที่ชาวบ้าน “ส่วนใหญ่” รับรู้อยู่แล้วว่า “มันต้องออกมาเป็นแบบนี้” อยู่แล้ว หลังจากได้เห็น “ภาพหลุด” ที่มองปราดเดียวก็เข้าใจได้ว่าเป็นการ“จงใจ” ให้หลุด เพื่ออธิบายด้วยภาพว่า “ป่วยจริง” จากนั้น ตามมาด้วยเหตุผลความจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล “นอกเรือนจำ” ต่อไป และเชื่อกันพัน (ล้าน) เปอร์เซ็นต์ เลยว่าเขาจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้ ไปจนได้รับการ “พักโทษ” และได้รับการปล่อยตัวกลับไปอยู่บ้านในที่สุด และนี่คือ สเต็ปที่วางไว้ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนดังกล่าวแล้ว
แต่คำถามก็คือ จะมีใครสักกี่คนที่เชื่อแบบนั้น ทั้งเหตุผลทางการแพทย์ ที่อ้างถึงอธิบดีกรมราชการทัณฑ์ นำมาอ้างอิงอีกทอดหนึ่ง ลองถามใจทุกคนดูทีว่ามันน่าเชื่อถือหรือเปล่า ว่าเวลานี้ นายทักษิณ ชินวัตร “ป่วยหนัก” จนต้องรักษาอาการในโรงพยาบาลตำรวจต่อไป รวมไปถึงการตั้งคำถามต่ออีกว่า แล้วในประเทศนี้ยังมีนักโทษคดีทุจริตอีกกี่คนที่มีอาการป่วยหนักต้องถูกนำตัวฉุกเฉินออกมารักษาอาการที่โรงพยาบาลข้างนอกเรือนจำบ้างหรือเปล่า อีกทั้งมี “ความลับที่ดำมืด” อยู่ตลอดเวลา
ตัวอย่างที่เพิ่งเห็นชัดไม่นานมานี้ เช่น กรณีของ นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังถูกจำคุกในคดีต่างกัน ที่รับทราบข่าวว่าป่วยเป็นโรคร้าย แม้ว่าจะมีอาการทรุด ก็ต้องถูกนำตัวกลับเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ ทั้งที่ความจำเป็นในด้านการรักษา ก็ไม่ได้ต่างกัน หากพิจารณากันในเรื่อง “คนเท่ากัน” จริง
ขณะเดียวกัน หากมองอีกมุมหนึ่ง หากเชื่อว่า “สเต็ปหลอกลวง” ที่ว่านั้น เป็นเรื่องจริง นั่นก็หมายความว่า นายทักษิณ ชินวัตร ต้องมีอาการ “ป่วยหนัก” และเข้าขั้น “โคม่า” แน่นอน เพราะด้วยระยะเวลาในการรักษาอาการนาน “ร่วมสองเดือน” คือจะเข้า 60 วันแล้ว มันก็ย่อมไม่ธรรมดาแล้ว ทำไมต้องมีการรักษาอาการผ่าตัดได้นานขนาดนี้ ป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ ทำไมแพทย์ หรือกรมราชทัณฑ์ ถึงไม่ยอมเปิดเผยให้บรรดา “แฟนคลับ” หรือผู้สนับสนุนเขา และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้รับรู้จะได้ช่วยกันส่งกำลังใจไปให้
เพราะหากพิจารณาจากมาตรฐานการรักษาทั่วไปการที่คนไข้สักคนหนึ่งต้องรักษาอาการเอาแค่คนทั่วไปหากรักษาอาการในโรงพยาบาลเกินหนึ่งสัปดาห์ นั่นเท่ากับว่าวิกฤตแล้ว และหากเกินกว่านั้นหากยังไม่ดีขึ้นมันก็ต้องแจ้งญาติให้ทำใจแล้ว แต่นี่ในกรณีของ นายทักษิณ เกือบสองเดือนและทำท่าว่า รักษายาวไม่มีกำหนดแบบนี้ มันก็ต้องเข้าข่าย “โคม่า” แล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาสังเกตอารมณ์ความรู้สึกของบรรดาญาติพี่น้องที่ใกล้ชิด คนในครอบครัว เช่น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของเขากลับไม่ได้แสดงอาการวิตกกังวลออกมามากนัก เพียงแต่บอกว่าทุกอย่างแล้วแพทย์ ความหมายก็คือ “ความลับ” นั่นเอง
นอกเหนือจากนี้ เมื่อการรักษาอาการในโรงพยาบาลตำรวจ นานร่วม 60 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น เพราะยังไม่อาจนำตัวกลับเข้าไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพตามเดิมได้ มันก็เป็นเหตุผลอธิบายได้เหมือนกันว่า แพทย์“เกินเยียวยา”รักษาได้แล้วหรือเปล่า หรือขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษา ดังนั้น ก็น่าจะส่งตัวไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลอื่นๆที่มีความพร้อมกว่า หรือไม่
แน่นอนนั่นคือ ความคิด ความสงสัยเรื่อยเปื่อยจากการ “ปิดบัง” อาการและการรักษาอาการของ นายทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นเอง ทั้งที่หลายคนฟันธงตั้งแต่แรกแล้วว่า นี่คือ “การร่วมด้วยช่วยกัน” ปกปิด ใช้แท็กติก เพื่อหาทางไม่ให้ต้องต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ทั้งที่เขาเป็นนักโทษเด็ดขาดถูกศาลตัดสินลงโทษในคดีทุจริต และที่ผ่านมาบางคนอาจจะคิดว่าใช้วิธี “นิ่งเงียบ” ให้มากที่สุด หรือโบ้ยให้เป็นความรับผิดชอบของแพทย์ ที่อ้างต่อกันมาว่าสิทธิ์ของคนไข้ที่เปิดเผยไม่ได้ ก็ว่ากันไป แต่เชื่อเถอะว่า ยิ่งปกปิดมันก็ยิ่งอยากรู้ อยากตั้งคำถามตลอดเวลา เพราะไม่ว่ามองมุมไหนมัน “ไม่ปกติ” แน่นอน
ดังนั้น เวลานี้ คนก็ยิ่งเชื่อไปแล้วว่าเขาจะนอนรักษาอาการอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ หรือเร็วกว่านั้น เพราะจะได้รับการ “พักโทษ” และกลับบ้าน เพราะทุกอย่างได้วางเป็นขั้นเป็นตอนล่วงหน้าแล้ว !!