ปธ.วิปรัฐบาล ให้ "ก้าวไกล" เดินหน้าถกญัตติทำประชามติแก้รธน. เมินเป็นแรงกดดันรัฐบาล ระบุรอเคาะมติวิปรัฐบาล-สส.รัฐบาล หนุนญัตติหรือไม่ 24ต.ค.นี้
วันนี้ (22ต.ค.) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่การประชุมสภาฯ สัปดาห์หน้าจะมีวาระพิจารณาญัตติของพรรคก้าวไกล ที่เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลและคณะ ให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า จะพิจารณาไปตามระเบียบวาระ เพราะเป็นญัตติที่เสนอเข้าสู่สภาฯ ไว้ตั้งแต่แรก และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ส่วนทิศทางของวิปรัฐบาลหรือสส.ฝั่งรัฐบาลนั้น จะหารืออีกครั้งในวันที่ 24 ต.ค. เวลา 09.00 น. ส่วนรายละเอียดนั้นต้องลองฟังจากพรรคก้าวไกลว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ตามขั้นตอนเมื่อผ่านสภาฯ แล้วต้องส่งให้ วุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบด้วย ก่อนจะส่งไปยัง ครม. ให้พิจารณา โดยส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องที่รัฐสภากดดันการทำงานของรัฐบาล ที่ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการทำประชามติ เพื่อแกก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพราะขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว อีกทั้งในกระบวนการของสภาฯ จะใช้เวลานาน เพราะต้องผ่านวุฒิสภาด้วย หากวุฒิสภาไม่เห็นด้วยเรื่องจะไม่ถูกส่งไปรัฐบาล
เมื่อถามว่าในญัตติดังกล่าวจะโหวตสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ต้องเอาความเป็นจริง เพราะญัตติดังกล่าวพรรคก้าวไกลต้องการส่งให้ ครม. พิจารณาดำเนินการตั้งแต่ต้น แต่ขณะนี้ครม.ทำแล้ว ดังนั้นจะซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ดังนั้นต้องพิจารณาตามความเป็นจริง แต่การเสนอญัตติดังกล่าวถือเป็นสิทธิและต้องพิจารณาตามเหตุและผล
เมื่อถามว่าความเห็นส่วนตัวมองประเด็นดังกล่าวอย่างไร นายอดิศร กล่าวว่า เรื่องประชามติแก้รัฐธรรมนูญต้องเดินหน้า แต่ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินไปตามงานที่กำหนดไว้แล้ว ซึ่งรัฐบาลคิดเหมือนกันแต่การเดินทางไม่เหมือนกัน ส่วนตัวสนับสนุนกการทำงานของรัฐบาล รัฐบาลเริ่มต้นทำแล้ว เพื่อนำไปสู่การทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อแก้รัฐธรรมนูญให้ได้
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลต้องการคำถามประชามติที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ห้ามแก้รัฐธรรมนูญทุกมาตรา จะพิจารณาอย่างไร นายอดิศร กล่าวว่า “คำถามนั้นต้องคุยกัน ไม่มีอะไรที่ขัดกัน ส่วนที่ก้าวไกลต้องการให้แก้ทุกมาตราได้รวมถึงหมวดหนึ่ง หมวดสองนั้นต้องคุยในสภาฯ ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลไม่สำเร็จมาแล้ว ดังนั้นหากทำต้องแก้ให้เป็น”