นายกฯ รับฟังสรุปผลการประชุมขยายโอกาสทางธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน จากผู้แทนภาคเอกชน 50 ราย
นายสัตวแพทย์ ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (18 ต.ค.) เวลา 12.30 น. (เวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับฟังสรุปผลการประชุมขยายโอกาสทางธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน
ในห้วงการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี ได้มีผู้แทนภาคเอกชนไทย 50 ราย จากกว่า 20 บริษัท เดินทางเยือนจีน เพื่อร่วมกิจกรรมขยายโอกาสทางธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน โดยเข้าร่วมงานเสวนาโต๊ะกลม Strengthening Thailand-China Business Partnership ที่กรุงปักกิ่ง โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจีนเข้าร่วม เช่น สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานกำกับดูแลตลาดแห่งชาติ สำนักงานศุลกากร สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญา สภาธุรกิจจีน-อาเซียน ตลอดจนนักธุรกิจสาขาต่างๆ
ภายหลังกิจกรรม นายกรัฐมนตรีได้เข้ารับฟังรายงานผลจากนักธุรกิจไทยด้วยตนเอง เนื่องจากเห็นถึงความสำคัญของบทบาทภาคเอกชนที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งสิ่งที่ภาคเอกชนไทยจะผลักดันต่อไป คือ การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างผู้ประกอบการไทย-จีน การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีน การยกระดับอุตสาหกรรมของสองประเทศ การเร่งขับเคลื่อนนวัตกรรมและการพัฒนาร่วมกันของห่วงโซ่อุตสาหกรรม เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาใช้ประโยชน์ในการหารือทวิภาคีกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนในวันนี้ (18 ต.ค.) และ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.)
นักธุรกิจไทยส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้มาในนามคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เช่น นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้แทนประธานสมาคมธนาคารไทย รวมทั้ง นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน และบริษัทรายใหญ่อื่นๆ ที่ค้าขายลงทุนกับจีน เช่น SCG อมตะ คอร์ปอเรชัน บ้านปู มิตรผล ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ฯลฯ
ปัจจุบันจีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย มูลค่าการค้ารวมเมื่อปี 2565 อยู่ที่ 105,404 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ จีนยังเป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับหนึ่งของไทย โดยในปี 2565 มีจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 158 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 77,381 ล้านบาท