วันนี้(18 ต.ค.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนว่า นอกจากเงื่อนไขจะคล้ายกับโครงการเราชนะ ทั้งการห้ามจ่ายเงินข้ามเขต และห้ามขายของออนไลน์ แล้วยังมีเงื่อนไขเรื่องความจำเป็นต้องขึ้นทะเบียนภาษี และระยะได้เงินคืนของร้านค้ายาวนานถึง 6 เดือน ตนมั่นใจว่าร้านค้าเล็ก ๆ จะไม่เข้าร่วมโครงการนี้อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมามีบทเรียนจากโครงการเราชนะที่มีกว่า 3,000 ร้าน เป็นคดีความถูกเรียกเงินคืนทั้งหมดจากภาครัฐ ดังนั้นหากมีโครงการดิจิทัลเกิดขึ้นอีก ตนเชื่อว่าผลประโยชน์ทั้งหมดจึงไปตกกับคนทำแอปพลิเคชั่น ร้านค้าใหญ่ๆ และร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงมากกว่า จะไม่เกิดภาวะหมุนเวียนของกระแสเงินในระบบอย่างที่รัฐบาลต้องการ
นายสามารถ กล่าวต่อว่า งบประมาณในโครงการเงินดิจิทัลจะต้องใช้เงินกว่า 560,000 ล้านบาท ไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่เป็นเงินภาษีของประชาชนที่ต้องจ่ายในอนาคต หากมีการกู้ยืมเงิน หรือใช้งบประมาณแผ่นดินหมดไปกับโครงการนี้ จะไม่เหลือพอสำหรับการพัฒนาประเทศในด้านอื่นอย่างแน่นอน วันนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องคิดและทบทวนอย่างรอบคอบ อย่าคำนึงเฉพาะนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองจากคะแนนเพียง 10 ล้านเสียงเท่านั้นเพราะคนไทยมี 70 ล้านเสียง อีกทั้งตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศขณะนี้สูงกว่า 60% ต่อ GDP ไปแล้ว ทำโครงการนี้จึงเสมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
“ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินไม่ได้หมุนสองสามรอบอย่างที่เราต้องการเหตุการณ์นี้มันเป็นแบบเดจาวู เราจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว หนี้สาธารณะประเทศไทยต้องไม่เพิ่มขึ้น นโยบายหาเสียงไว้เขาเลือกคุณด้วยเสียง 10 ล้าน แต่อีก 60 กว่าล้านไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย เพราะไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ ถ้าคุณอ้างว่าเป็นประชาธิปัตย์จริง ก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ แต่ 60 ล้านเค้าไม่เอา ถ้าคุณยังดึงดันกับนโยบายนี้ ผมเชื่ออย่างสุจริตว่า จะต้องมีคนได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ มากกว่าประชาชน จิ้งจกทักต้องฟัง นี่ไม่ใช่...นี่คือ อดีตรัฐมนตรี อดีตผู้ว่าฯแบงค์ชาติ อดีตนักวิชาการ เค้าไม่ใช่จิ้งจก แต่เป็นคนมีความรู้ เขาออกมาให้ความรู้อย่างสุจริต กลัวว่าลูกหลานจะมาชี้หน้าด่าเขา ในอนาคต“ นายสามารถ ย้ำ
นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายโดยฝากความหวังไว้กับ พรรคการเมืองและ พรรคฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตรวจสอบ หากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัล โดยพรรคการเมือง สามารถยื่นอภิปรายตรวจสอบการดำเนินการในสมัยการประชุมหน้าได้ เพื่อแสดงถึงความเป็นห่วงเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัล ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย อย่างโครงการจำนำข้าว ที่ถือเป็นความล้มเหลวด้านนโยบายของรัฐบาลในอดีตอีกด้วย