“ธีระชัย” ชี้ แนวโน้มสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ส่อขยายวง ดึงหลายชาติในตะวันออกกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น แนะรัฐบาลเปลี่ยนโหมดนโยบายพลังงานจากการกดราคา กระตุ้นให้ใช้มากขึ้น เป็นเตือนให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัด รัดเข็มขัด ศึกษาวิธีบริหารประเทศยามวิกฤตพลังงานสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม
วันนี้ (14 ต.ค.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ในหัวข้อ “ควรเตือนเรื่องราคาพลังงาน” มีรายละเอียดระบุว่า ผมมีความเห็นว่า สงครามอิสราเอลมีความเสี่ยงจะขยายตัว ซึ่งจะทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น รัฐบาลจึงควรเตือนให้ประชาชนวางแผนประหยัดแต่เนิ่นๆ ผมขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ข้อมูลความเสี่ยงสงครามอาจขยายตัว มีดังนี้
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน มีกำหนดจะเดินทางไปซีเรีย ในวันที่ 13 ต.ค. ในวันที่ 12 ต.ค. อิสราเอลทิ้งระเบิดสนามบินทั้งสองแห่งของซีเรีย เป็นการปิดประตูการเดินทางดังกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังจากกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซีเรียยังไม่ได้มีการโจมตีใดๆ ต่ออิสราเอล ทำให้ปูตินออกมาประณามการโจมตีสนามบิน
เหตุการณ์นี้บ่งชี้ว่า สงครามอาจจะขยายไปถึงซีเรีย ซึ่งเป็นเวทีสงครามตัวแทนระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียอยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. มีวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ นายลินด์ซี เกรแฮม แถลงข่าวว่า วิธีจะทำให้อิสราเอลปลอดภัยเด็ดขาดจากการถูกโจมตีในอนาคต ก็คือ กองทัพสหรัฐฯควรจะทิ้งระเบิด ทำลายบ่อน้ำมัน และโรงกลั่นน้ำมันในอิหร่าน
ทั้งนี้ รมว.ตปท.สหรัฐฯ แถลงข่าวว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า อิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาส แต่มีนักการเมืองในทั้งสองสภา ที่แสดงแนวคิดพาดพิงไปถึงอิหร่าน อย่างเปิดเผย
ในอีกไม่กี่วัน เมื่ออิสราเอลส่งทหารเข้าไปในภาคเหนือของกาซา เพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาส จากอาคารไปสู่อาคาร ทีละถนน พื้นที่นี้มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่หนาแน่น 1.1 ล้านคน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะอพยพลงไปทางใต้ได้ทันเวลา ดังนั้น จึงคาดว่า จะมีชาวปาเลสไตน์ล้มตายจำนวนมาก ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้ทั้งซีเรีย และกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอน เข้ามาเกี่ยวข้องในสงคราม
สหรัฐฯได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ และเรือพิฆาตอีกหลายลำ เข้าไปในบริเวณตะวันออกกลาง โดยมีนักการเมืองในทั้งสองสภา ที่สนับสนุนให้สหรัฐใช้กำลังต่อเลบานอน ถ้ากลุ่มฮิซบุลลอฮ์โจมตีอิสราเอล ซึ่งมีแต่จะยกระดับความตึงเครียด ให้สูงขึ้นไปอีก
ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นประธานสภาล่างของสหรัฐฯ อาจจะเป็น นายจิม จอร์แดน
ถ้าเป็นเช่นนั้น โอกาสที่ไบเดนจะเสนอกฎหมาย ที่แทรกการช่วยเหลือยูเครนรวมเข้าไปกับอิสราเอล จะผ่านได้ยาก และหากแรงสนับสนุนยูเครนแผ่วลง รัสเซียก็จะสามารถหันมาเน้นกิจกรรมในตะวันออกกลางได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อนหน้ากลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล ราคาพลังงานก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นอยู่แล้ว
รูป 1 EIA คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบ จะสูงขึ้นตลอดปี 2024
รูป 2 อัตราการขยายกำลังผลิตน้ำมันของโลก ซึ่งพีคในปี 2022 จะแผ่วลงไปจนถึงปี 2024
ถึงแม้ว่า ในปี 2024 กลุ่มโอเปคพลัส อาจจะคลายการบีบซัพพลาย แต่ก็จะไม่ทันดีมานด์
รูป 3 แสดงปริมาณผลิตน้ำมันของอิหร่าน ที่สูงขึ้นมาในช่วงสามปี
ทำให้อิหร่านมีรายได้สูงขึ้น และถูกวิจารณ์ว่า เป็นผู้แจกจ่ายรายได้นี้ เป็นเงินสนับสนุนให้แก่กลุ่มกองกำลังต่างๆ
ดังนั้น อิสราเอลจึงอาจจะมองน้ำมันอิหร่าน เป็นเป้าหมายหลักอย่างหนึ่ง
รูป 4 ช่องแคบโฮมุส มีเรือบรรทุกน้ำมันแล่นผ่าน ประมาณ 20 ถึง 30% ของตลาดโลก
ถ้าสงครามขยายไปถึงอิหร่าน และกระทบการขนส่งผ่านช่องแคบนี้ ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นอย่างฉับพลัน และจะก่อความตึงเครียดไปทั่วโลก โดยเฉพาะจีนเป็นผู้ซื้อหลักของน้ำมันอิหร่าน
ไบเดนพยายามวางหมากอย่างระมัดระวัง เพราะไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันในสหรัฐฯพุ่งขึ้น อันจะกระทบโอกาสเลือกตั้งในปี 2024 จึงได้ส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไปหาทางเจรจา เพื่อหวังให้ซาอุดิอาระเบียยุติการลดปริมาณผลิต
รูป 5 แต่รายได้ของซาอุดีอาระเบีย ที่พุ่งขึ้นสูงในปี 2022 ได้ลดลงต่ำในปี 2023 และแนวโน้มจะต่ำไปถึงปี 2024
ดังนั้น โอกาสที่จะเพิ่มปริมาณผลิต เพื่อกดราคาน้ำมันให้ต่ำ จึงมีน้อย
รูป 6 รัฐบาลอิสราเอลได้สั่งให้หยุดการผลิตก๊าซธรรมชาติในทะเลแหล่งทามาร์
เพื่อป้องกันการถูกวินาศกรรม
อิสราเอลใช้แหล่งก๊าซดังกล่าว สำหรับผลิตไฟฟ้า 70% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
จึงต้องหันมาซื้อก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก
เหตุการณ์นี้ ประกอบกับท่อก๊าซธรรมชาติระหว่างฟินแลนด์กับเอสโตเนีย ที่เกิดการรั่ว โดยสงสัยสาเหตุวินาศกรรม และต้องหยุดการใช้ไปหลายเดือน
ผมจึงเห็นว่า มีความเสี่ยงสูงที่ราคาน้ำมันและราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก จะสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ จึงขอแนะนำให้รัฐบาลของท่านนายกเศรษฐา เปลี่ยนโหมดในด้านนโยบายพลังงาน
แทนที่จะเน้นกดราคา ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้มีการใช้มากขึ้น ควรเปลี่ยนเป็นเตือนให้ประชาชน เริ่มวางแผนลดการใช้พลังงาน เริ่มประหยัดรัดเข็มขัด
ท่านนายกฯ เศรษฐา ควรศึกษาวิธีบริหารประเทศยามวิกฤตพลังงาน ตัวอย่างที่ดีในสมัยรัฐบาลพลเอก เปรม