นายกฯ เผย เอกอัครราชทูตอิสราเอล รับปากตรวจสอบกรณีบังคับแรงงานไทยทำงานท่ามกลางการสู้รบ พร้อมแจงทางการอิสราเอลอพยพชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยออกจากพื้นที่อันตราย 0-4 กม.จากฉนวนกาซาแล้ว
วันนี้ (13 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงภายหลังการหารือกับ นางสาวออร์นา ซากิฟ (H.E.Ms. Orna Sagiv) เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล โดยเรื่องแรงงานไทยที่เสียชีวิตนั้น ทางอิสราเอลยืนยันว่าให้ความสำคัญ แต่ตรวจสอบให้ถูกต้องก่อนนำศพมา เพราะจะมีการจ่ายค่าชดเชยด้วย
ส่วนเรื่องการส่งแรงงานไทยกลับ ยังสับสนเรื่องการนำคนออกมา แต่ทางทูตอิสราเอลบอกว่าถ้าเครื่องบินพร้อมเมื่อไหร่ ก็พร้อมให้กลับมาทันที คนที่ยังไม่ได้กลับและมีปัญหาทางจิตใจก็จะส่งคนเข้าไปดูแล
โดยประเด็นหนึ่งที่ได้แจ้งให้ทางทูตอิสราเอลทราบ คือ กรณีการบังคับให้แรงงานไทยทำงาน ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงสงคราม โดยทางอิสราเอลบอกว่ารับทราบและรับปากว่าจะไปตรวจสอบและดูแลเรื่องนี้ให้ ซึ่งตนยืนยันว่า อย่างไรก็บังคับให้ทำงานไม่ได้ ภาวะสงครามยังไม่ลดหย่อนลงไป จึงได้ขอร้อง เพราะว่าคนไทยไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่สูญเสียมากเป็นอันดับสอง รองจากสหรัฐฯ ถ้าไม่นับอิสราเอล
เรื่องสุดท้ายคือ เรื่องตัวประกัน ขอให้ทางอิสราเอลพยายามช่วย เพราะคนต่างชาติไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทนี้ ต้องถูกปล่อยออกมาโดยเร็ว เราพยายามใช้ทุกช่องทาง และทำอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังเจรจากับประเทศต่างๆ เช่น อียิปต์ ยูเออี เพื่อให้เครื่องบินเอกชนของไทยบินผ่านน่านฟ้าไปรับคนไทยกลับ ซึ่งคงต้องใช้หลายเที่ยว เพราะมีคนขอกลับถึง 6 พันคน แต่อาจรับมาได้ประมาณเที่ยวละ 200 คน
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ทางทูตได้แจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้ทางการอิสราเอลได้อพยพคนออกมาจากพื้นที่อันตราย 0-4 กิโลเมตร จากฉนวนกาซา 99% ของคนต่างชาติถูกอพยพออกมาแล้ว และถ้ามีเครื่องบินพร้อมก็สามารถบินกลับได้ทันที