นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยต่อการเดินทางเยือนบรูไน เพื่อแนะนำตัวครั้งนี้ โดยเน้นย้ำความร่วมมือที่เกิดขึ้นจากการเดินทางครั้งนี้ ยันพยายามสูงสุดช่วยตัวประกันชาวไทย รับกังวลเสียชีวิตมากที่สุด 18 คน เหตุที่อิสราเอล
วันนี้ (10 ต.ค.) เวลา 16.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศบรูไน ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชม.) ณ โรงแรม Empire Brunei นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย สรุปสาระสำคัญดังนี้
การหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ซึ่งความร่วมมือระหว่างไทยกับบรูไนมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทราบว่า บรูไนมีความมั่นคงอาหารต่ำ ในขณะที่ไทยมีความมั่นคงทางอาหารสูง จึงจะมีความร่วมมือกันต่อไป โดยนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวเชิญชาวบรูไนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเชิงการแพทย์ และสุขภาพ (Wellness Tourism) โดยในปีหน้าจะครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ ได้กล่าวเชิญเสด็จฯ เยือนประเทศไทย พร้อมแสดงความยินดีกับเจ้าชายอับดุล มาทีน ที่ทรงมีกำหนดจะเข้าพระราชพิธีเสกสมรสในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีถือเป็นแขกคนแรกที่ได้เดินทางมาเยือนและแสดงความยินดี
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม แสดงความห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นขณะนี้ และแสดงความเสียใจที่มีการสูญเสียของคนไทย รวมถึงมีผู้บาดเจ็บและถูกลักพาตัว เรื่องของความไม่สงบเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ดังนั้น การดูแลผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทั้ง 2 ประเทศ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง โดยอยากให้เรื่องนี้ยุติด้วยสันติวิธีโดยเร็วที่สุด เพื่อลดการสูญเสียและบาดเจ็บ
ส่วนเรื่องคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายการทูต ที่มีความสัมพันธ์กับบุคคล กับหลายๆ รัฐบาล ก็ได้ต่อสายตรงพูดคุยกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง จึงขอไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ขอให้มั่นใจว่า ทุกทางที่ดำเนินการอยู่ พยายามทำทุกอย่างแล้ว และยังพยายามอย่างสูงสุด พร้อมคำนึงถึงอิสรภาพและความปลอดภัยของผู้ที่ถูกจับกุมตัวเป็นสำคัญ
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของคนไทยในต่างแดนสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตและความปลอดภัย
ขณะที่ตัวเลขคนไทยผู้เสียชีวิต ที่ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนมากที่สุดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเป็นประเทศที่สูญเสียมาก ณ เวลานี้จำนวน 18 คน จึงถือเป็นตัวเลขที่น่ากังวลใจว่าจะหยุดแค่นี้หรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามสถานการณ์ โดยย้ำว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลและละเอียดอ่อนมาก ทั้งนี้ ได้กำชับทางการทูตและการช่วยเหลือในทุกช่องทางและทุกวิถีทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวประกัน ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต หรือ แรงงานไทย ส่วนการดูแลหลังจากนี้จะต้องดูแลให้ดีตามกฎหมาย แต่ละคนมีความเสียหายอย่างไรให้ยึดระเบียบที่วางไว้
ขอให้มั่นใจรัฐบาลทำทุกทางช่วยคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ยอมรับกังวลตัวเลขคนไทยเสียชีวิตสูง กำชับทุกฝ่ายเร่งช่วยเหลือทุกวิถีทาง