“สุพัฒนพงษ์” นำทีม ส.ส.- สมาชิกรุ่นใหม่ รทสช.ร่วมงาน Sustainability Expo (SX2023) มหกรรมด้านความยั่งยืน ครั้งที่ 4 หนุนเดินหน้าตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธาน ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ รองเลขาธิการพรรค และสมาชิกรุ่นใหม่พรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางร่วมงาน Sustainability Expo (SX2023) มหกรรมด้านความยั่งยืน ครั้งที่ 4
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว ภายหลังการเยี่ยมชมงาน ว่า เรื่องของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานาน โดยจะเห็นได้ชัดว่าเกิดผลกระทบเชิงลบอย่างชัดเจนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จนมีคำกล่าวได้ว่าจากโลกร้อนกลายเป็นโลกเดือด โดยนโยบายของรัฐโดยเฉพาะจากรัฐบาลที่แล้ว ได้ประกาศให้ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050 หรือ 27 ปีจากนี้ และมีเป้าหมายสำคัญในการประกาศเป้าหมาย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งเป็นความท้าทายของประเทศไทย โดยเป็นที่น่าดีใจว่า รัฐบาลชุดนี้ได้สานต่อนโยบายดังกล่าว ในขณะที่ภาคเอกชนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากจะมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องทําก็คือทุกคนต้องร่วมมือกัน อย่าให้เป็นภาระของรัฐบาล หรือภาคเอกชนเท่านั้น ประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมช่วยกันรับผิดชอบในสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้มีโลกที่สวยงาม ที่จะส่งต่อไปยังลูกหลานคนรุ่นใหม่ได้อยู่อย่างมีความสุข ปลอดภัย และเศรษฐกิจสามารถดํารงไปได้อย่างยั่งยืน
"เรามีสิทธิที่จะอยู่ในโลกแห่งนี้ อย่างมีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน เรามีหน้าที่ที่จะรักษาโลกนี้ให้มีคุณภาพที่ดีสําหรับทุกคนด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งต้องทํา เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะร่วมรักษาโลกนี้เพื่อให้เป็นโลกที่น่าอยู่ต่อไป” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับงาน Sustainability Expo (SX2023) มหกรรมด้านความยั่งยืน ครั้งที่ 4 ถือเป็นมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่มีแนวคิดหลักคือ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ เพื่อความ “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability) โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญในการสร้างความสมดุลที่ดีระหว่างโลกธุรกิจและอุตสาหกรรมกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นแนวทางในการดำเนินนโยบายหลักต่างๆ ของพรรคอย่างต่อเนื่องตลอดมา