xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” หัวร่อต่อกระซิก หวานชื่นแบบนี้... จบแล้ว!? ** ขับ“หมออ๋อง”ไม่แค่น้ำเน่า แต่ยังมีบ่วง“จริยธรรม” ที่จะพาก้าวไกลทั้งคนทั้งพรรคพังไปด้วย!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” หัวร่อต่อกระซิก หวานชื่นแบบนี้... จบแล้ว!?

ช็อกกันทั้งประเทศ หลังมือปืนวัย 14 ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิตบาดเจ็บหลายรายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางกรุงเทพฯ

ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด และเป็นเรื่องใหญ่ประเดิมตำแหน่งของ "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้พิสูจน์ฝีมือทำงานทันที

ศรัทธาจะมา บารมีจะเกิดหรือไม่? ก็อยู่ที่ผลของงานงานนี้ด้วย จากก่อนหน้านี้ ที่ภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็วุ่นวาย ว้าวุ่นหนัก กรณี "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จนนำไปสู่ความขัดแย้ง และ ท้าทายจะเปิดโปงหลักฐาน "เอาคืน" ชนิดที่ "บิ๊กโจ๊ก" มั่นใจนักหนาว่า เปิดมาจะได้ตายหมู่

ดูๆไปแล้ว ถึงเวลานี้คลื่นลมทำท่าว่าจะสงบ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. "นายกฯนิด" เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้เรียก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เข้าหารือเป็นการส่วนตัว

หะแรกก็คาดเดากันไปต่างๆ นานา

ว่า จะเป็นการหารือถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบ "บิ๊กโจ๊ก" แต่เมื่อนายกฯและ ผบ.ตร. คุยกันจบ "บิ๊ก ต่อ" มาเฉลยว่า เรื่องที่คุยกับนายกฯนิด เป็นเรื่องงานล้วนๆ

ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกเลยว่า ไม่มี และนายกฯ ก็ไม่ได้ถามอะไรในเรื่องนี้

ปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กรตำรวจ "บิ๊กต่อ" ยังบอกว่า นายกฯแฮปปี้ เพราะเรื่องราว"จบแล้ว"

จบหรือไม่จบ ไม่รอให้ใครหยิบไปคุ้ยเขี่ย หรือเอาไปคิดมากกันต่อ

"บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จึงให้ภาพเล่าเรื่อง หลังจากเชื้อเชิญบรรดาบิ๊กๆ ในสำนักงานตำรวจมานั่งล้อมวงที่ห้องรับประทานอาหาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล - พล.ต.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมโต๊ะอาหาร
ว่ากันว่าในวงอาหารมื้อนั้น นอกจาก ผบ.ตร. ยังมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์, พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช, พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง รรท. รอง ผบ.ตร. มากันพร้อมหน้าพร้อมตา โดยเมนูที่รับประทาน คือ ข้าวหน้าไก่ ไข่ดาว ต่อด้วยขนมหวานกล้วยบวชชี บัวลอย และผลไม้

เรียกว่าสำรับนี้ ไม่มี"เกาเหลา"

ฟังว่า บรรยากาศการรับประทานอาหารเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยบิ๊กทั้งหลายคุยกันอย่างออกรส ครื้นเครง สนุกสนาน

ขณะที่คนที่เป็นประเด็นอย่าง “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ตามมาภายหลังถูกจับจ้องเป็นพิเศษ เข้ามาถึงได้ยกมือสวัสดีผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเข้าไปนั่งเก้าอี้ ที่ถูกจัดวางติดกับ "บิ๊กต่อ" ผบ.ตร. โดยระหว่างการพูดคุย ผบ.ตร. ยังได้หันไปกระซิบกับ “บิ๊กโจ๊ก” และหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี เป็นระยะๆ

สรุปว่า บรรยากาศรับประทานอาหารได้แสดงออกถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเหล่าบรรดาผู้มีอำนาจใน สตช.ซึ่งใครจะคิดว่า ก่อนหน้านี้ทำไมมีภาพเป็นตรงกันข้าม!

ก็หวังว่าภาพที่เกิดขึ้นจะคงทนถาวร ไม่ใช่การละครที่เกิดมาเพื่อกลบลบปัญหา

อย่างน้อยๆ คดีที่เกิดขึ้นกับตำรวจ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก 8 นาย ที่พัวพันกับ "มินนี่" เว็บพนันออนไลน์ ก็ควรจะต้องดำเนินต่อไป หรือไม่

เมื่อกงล้อของกระบวนการยุติธรรมหมุนแล้ว ก็ควรต้องปล่อยให้ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและหลักฐาน ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก

มิฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ สำนักตำรวจแห่งชาติ จะถูกมองเป็น "สำนักการละคร" ก็ได้นะเออ

** ขับ“หมออ๋อง”ไม่แค่น้ำเน่า แต่ยังมีบ่วง“จริยธรรม” ที่จะพาก้าวไกลทั้งคนทั้งพรรคพังไปด้วย!!

ปดิพัทธ์ สันติภาดา
กรณีพรรคก้าวไกลมีมติขับ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 พ้นพรรค เพื่อเปิดทางให้ “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกันเมื่อ “หมออ๋อง” เข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่ ภายใน 30 วัน ก็ยังรักษาสถานภาพการเป็น ส.ส. และเก้าอี้รองประธานสภา ไว้ได้

แม้รัฐธรรมนูญจะมีข้อห้ามไว้ว่า พรรคที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ต้องไม่มีรัฐมนตรี ไม่มีผู้ใดดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ...แต่ก้าวไกลทำแบบนี้ ถือเป็นการหาช่องลอดเพื่อกินรวบทั้งสองตำแหน่ง

ปากบอกว่าเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ แต่มาทำพฤติกรรมอย่างนี้เสียเอง จึงถูกประณามว่า เน่ายิ่งกว่าการเมืองน้ำเน่า ยอมทำสิ่งที่ไม่ควรทำ เพียงเพื่อรักษาตำแหน่ง เมื่อเรื่องกลายเป็นประเด็นฮอตในโซเชียลฯ ก็เลยทำให้ติ่งส้มส่วนหนึ่งต้องอับอายขายหน้าไม่ใช่น้อย

แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร คนของพรรคก้าวไกล ตั้งแต่หัวหน้าพรรค โฆษกพรรค รองโฆษกพรรค ต่างออกมาชี้แจงในทำนองเดียวกันว่า ไม่มีนิติกรรมอำพรางหรือใดๆ ทั้งสิ้น พรรคได้ทำอย่างตรงไปตรงมา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้ว

ศรีสุวรรณ จรรยา
เรื่องนี้ นักร้องอย่าง “ศรีสุวรรณ จรรยา” ได้เข้ายื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน และมีความเห็นว่าการกระทำดังกล่าว ของคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และสส.พรรค เข้าข่ายฉ้อฉล เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 234 ( 1 ) ของรัฐธรรมนูญ ประกอบพ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. 2561 หรือไม่...หากพบว่าเข้าข่ายฝ่าฝืน ป.ป.ช. ก็ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา วินิจฉัย หรือพิพากษาลงโทษด้วย

ต้องไม่ลืมว่า นักการเมืองหลายคน เจอโทษผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนหมดอนาคต มีให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้วหลายคน อย่างเช่น “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี จากเรื่องถือครองที่ดินโดยมิชอบ หรือกรณี “ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์” อดีตสส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จากกรณีเสียบบัตรแทนกัน และล่าสุด “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ก็โดนจากเรื่องโพสต์โซเชียลฯหมิ่นเหม่ จนถูกตัดสิทธิ์ลงสมัครส.ส. ตลอดชีวิต

กรณี “หมออ๋อง” ยังเหมือนว่าลูกไปเข้าทางเท้าของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองเข้าพอดี ...จึงไม่พลาดโอกาสที่ “อดิศร เพียงเกษ” ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล หยิบเอาเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมวิปรัฐบาล แล้วมีมติว่า จะนำยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ว่าการขับ“หมออ๋อง” ไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 64 (5) ที่กำหนดว่า จะขับออกได้ ก็ต่อเมื่อทำผิดวินัยร้ายแรง หรือผิดจรรยาบรรณ หรือมีเหตุการณ์ร้ายแรงอื่น ซึ่งกรณีนี้ ไม่ได้เข้าเงื่อนไขใดเลย

อดิศร เพียงเกษ
นอกจากยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังอาจจะยื่นต่อ ป.ป.ช. ในเรื่องฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง อีกทางหนึ่งด้วยก็ได้ !!

ยังมี “สว.สมชาย แสวงการ” ก็ออกมาเล่นเรื่องนี้ด้วยคน โดยออกมาชี้ช่องว่า การขับ“หมออ๋อง” สุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องว่า ฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 42 ประกอบ มาตรา 92(3) ที่นำไปสู่การยื่นยุบพรรคได้

เพราะหลังจากพรรคขับ “หมออ๋อง”ออกไปแล้ว แต่ไม่พบคำสั่งปลด ฝ่ายการเมือง-คณะทำงาน ที่เป็นสมาชิกก้าวไกลรอบตัวหมออ๋องออกด้วย

เพราะคำสั่งแต่งตั้งคนในพรรคก้าวไกล เป็นข้าราชการกการเมือง และคณะกรรมการต่างๆ ถือเป็นหลักฐานสำคัญ ที่หากมีผู้นำไปร้องต่อ “กกต.-ป.ป.ช.- ศาลรัฐธรรมนูญ”ก็เป็นเรื่องใหญ่ได้ เพราะเมื่อตรวจดูรายชื่อแล้ว หลายคนยังเป็นผู้บริหาร กรรมการบริหาร และสมาชิกพรรคก้าวไกล หากนับจากวันที่ “หมออ๋อง” ถูกขับ เมื่อ 28 ก.ย. จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือปลดคนเหล่านั้นออกเลย

สมชาย แสวงการ
อย่างเช่น “พล.ต.ต.สุพิศาล ภัพดีนฤนาถ” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นที่ปรึกษารองประธานสภาฯ คนที่1 ได้รับเงินเดือน เดือนละ 47,250 บาท และเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 10,000 บาท, นายพงษ์สรณัฐ ทองลี เลขานุกการรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ได้รับเงินเดือนๆ ละ 44,310 บาท และเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 4,900 บาท และ นายปกรณ์ อารีกุล สมาชิกพรรคก้าวไกล อดีตผู้สมัครสส. นครศรีธรรมราช พรรคก้าวไกล เป็นผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ได้รับเงินเดือนๆละ 39,710 บาท และเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 3,780 บาท

ยังมีคำสั่งของ ประธานสภาฯ ตั้งกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใส และสมรถนะสูง ที่ปรากฏชื่อคือ “นายไกลก้อง ไวทยการ” เป็นที่ปรึกษา , “นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ที่ปรึกษาประธาน และที่ปรึกษารองประธาน และ “น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์” เหรัญญิกพรรค เป็นกรรมการ

และคณะกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใสและสมรรถนะสูง ที่มี “หมออ๋อง” เป็นประธานกรรมการ ก็เพิ่งยกขบวนกันไปทัวร์สิงคโปร์ เมื่อปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมานี่เอง

“สว.สมชาย”บอกว่า เหล่านี้แหละที่จะนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกลได้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น