"เศรษฐา" นั่งนำถกคกก.ซอฟต์พาวเวอร์ครั้งแรก เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า "แพทองธาร" ตั้งเป้ามุ่งยกระดับคุณภาพ-ทักษะของคนไทย 20 ล.คนเป็นแรงงานทักษะสูง สร้างรายได้เข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาทต่อปี เพิ่มจ้างงาน 20 ล.ตำแหน่ง
วันนี้ (3ต.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 3 ต.ค.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 โดยมีรัฐมนตรีเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการฯเข้าร่วมประชุม อย่างพร้อมเพรียง อาทิ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี , นายพิมล ศรีวิกรม์ และนายชุมพล แจ้งไพร เซฟชื่อดัง เป็นต้น
โดยนายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการหารือร่วมกันระหว่าง ส่วนราชการ ภาคเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนซอฟพาวเวอร์ประเทศไทยอย่างบูรณาการ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมซอฟพาวเวอร์ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศไทยในเวทีโลก ทั้งนี้ ปัจจุบันมีคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับซอฟพาวเวอร์หลายคณะ เช่น คณะกรรมการนโยบายส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย, ,คณะกรรมการภาพยนตร์และวิดิทัศน์แห่งชาติ , คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนซอฟพาวเวอร์ด้วยมิติทางวัฒนธรรม ,คณะกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศผ่านสื่อบันเทิง เป็นต้น ทั้งนี้ รัฐบาลจึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติที่ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนการทำงานและแผนงานผ่านคอนเทนต์ 11 อุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์เป้าหมายในประเทศไทย
ด้านน.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายนี้แล้วขอนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งนโยบายยังกล่าวสร้างระบบนิเวศแกอุตสาหกรรมไทย ซึ่งประเทศไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยแรงงานทักษะสูงและการสร้างสรรค์อุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ในสาขาต่างๆ รวมถึงการทูตเชิงวัฒนธรรม อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าวัฒนธรรมของไทยเป็นวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ฉะนั้นศักยภาพของวัฒนธรรมและศักยภาพของคนไทย ถ้าได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จะสามารถไปได้ไกลอย่างแน่นอน และนโยบายดังกล่าว จะทำควบคู่ไปกับนโยบายของรัฐบาล
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวมุ่งยกระดับคุณภาพและทักษะของคนไทย 20 ล้านคน ให้เป็นแรงงานที่มีทักษะสูง และเป็นแรงงานสร้างสรรค์ ซึ่งจากการคาดการณ์ถ้าเราสามารถทำนโยบายดีได้สำเร็จ เราจะมีรายได้เข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาทต่อปี และการจ้างงานเพิ่มขึ้น 20 ล้านตำแหน่ง รวมถึงเศรษฐกิจจะมีการเติบโตถือเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกในเรื่องซอฟพาวเวอร์ ทั้งนี้ เราจะแบ่งการทำงานเป็นขั้นตอนคือ การพัฒนาคนเฟ้นหาคนที่มีความฝัน 1 คน 1 ครอบครัว นำมาพัฒนาศักยภาพให้เป็นแรงงานที่มีศักยภาพตามความถนัดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ในสาขาต่างๆใน 11 ประเภท
อย่างไรก็ตามเราจะทำให้อุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ครอบคลุม โดยจะมีการปรับแก้กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่างๆที่ไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้อุตสาหกรรมต่างๆ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างวันสต็อปเซอร์วิส ดำเนินการเรื่องเอกสารต่างๆพร้อมกับสนับสนุนเงินทุนวิจัยและพัฒนา สร้างแรงจูงใจด้านภาษี ทั้งนี้ ในชุมชนจะมีการสร้าง ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบในทุกจังหวัด เพื่อให้ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ซอฟพาวเวอร์ไทยให้เป็นซอฟพาวเวอร์ระดับสากล โดยความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ เราจะทำให้เทศกาลของคนไทยมีโอกาสในต่างประเทศ ทั้งนี้ เมื่อเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.นี้ จากแผนงานหากมีการดำเนินการตามแผน ยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์ ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะกลาง โดยระยะ 100 วันแรก ภายในวันที่ 11 ม.ค. 2567 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจะพร้อมให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียน ในด้านต่างๆ และจะมีการปรับปรุงศูนย์บ่มเพราะสร้างสรรค์ให้กับสถาบันต่างๆ และเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายต่างๆที่อยู่ในระดับกระทรวงหรือพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินนโยบาย รวมถึงการจัดเทศกาลฤดูหนาวในกรุงเทพฯอย่างยิ่งใหญ่ภายระยะเวลา 6 เดือนสิ้นสุดในวันที่ 3 เม.ย.67 รวมถึงการจัดงานสงกรานต์ทั่วประเทศให้เป็นเทศกาลระดับโลกภายในระยะเวลา 1 ปีวันที่ 3 ต.ค.67 ทั้งนี้จะเสนอพระราชบัญญัติ THACCA ผ่านสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกันนี้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมของเราจะเข้มแข็งขึ้นในอนาคตอันใกล้และเป็นที่รู้จักประเทศไทยจะต้องมีชื่อเสียงกว้างไกลระดับโลก ซึ่งความสำเร็จนี้จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมทั้งประเทศ 20 ล้านครอบครัว ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูง.