xs
xsm
sm
md
lg

"หมอพรทิพย์"ทดสอบธรรมะในตนโดนไล่ ขุดไลฟ์สไตล์"เอ้-ไอซ์แลนด์"รวยมาจากไหน?! ** เอ๊ะยังไง! ทนายอนันต์ชัย ดุดันไม่เกรงใจใคร ขึ้นต้นโหมโรงเป็นหนังบู๊พอเอาเข้าจริงๆ จะเป็น "หนังรักโรแมนติก" อ๊ะป่าว!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** "หมอพรทิพย์"ทดสอบธรรมะในตนโดนไล่ ขุดไลฟ์สไตล์"เอ้-ไอซ์แลนด์"รวยมาจากไหน?!

จากดรามาเดือดบนโลกออนไลน์"หมอพรทิพย์" โดนไล่ เมื่อ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สว. ถูกชายไทยคนหนึ่ง อ้างเป็นเจ้าของร้านอาหาร "โตเกียว ซูชิ" ที่ไอซ์แลนด์ ไม่ต้อนรับ ไม่ให้บริการ พร้อมกับถ่ายคลิปขณะไล่ออกจากร้าน เพราะโกรธการทำหน้าที่สว. ของหมอคนดัง

ความเคลื่อนไหวล่าสุด "หมอพรทิพย์"  โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก "Porntip Rojanasunan" ความว่า "กลับถึงไทยแล้ว ขออนุญาตเรียนตามที่บอกไว้เรื่องทริปนี้ ส่วนเรื่องการถูกไล่ออกจากร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ ได้เป็นบททดสอบธรรมะในตน ทันทีที่ทราบว่าเขาเกลียดมากจนชี้หน้าด่า หมอกลับรู้สึกเฉยและมองไปข้างหลังและข้างหน้าของเขาที่จะเป็นเช่นไร ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคำแนะนำ แต่ขออนุญาตเลือกที่จะใช้ธรรมะจัดการมากกว่าใช้กฎหมายจัดการ"

ต้องบอกว่า ดรามาจากคลิปดังกล่าวยังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันต่อเนื่อง ทั้งที่ "เห็นใจ" คุณหมอพรทิพย์และ "สะใจ"กับการกระทำของชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าของร้านอาหาร

ว่ากันว่า คนต้นเรื่องของความ "โกรธแค้น" ชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารนั้นแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เจ้าของ เป็นเพียง "หัวหน้าเชฟ" และได้ส่วนแบ่งจากยอดขาย

เพจ "วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร" ได้โพสต์ข้อมูลชายผู้นี้ว่า ชื่อ อารีย์ หรือ "เอ้" เป็นคนไทยที่ ย้ายไปอยู่ไอซ์แลนด์กว่า 20ปี ตามแม่ที่ได้สามีใหม่เป็นชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งต่อมาได้เป็น citizen ของไอซ์แลนด์

ตอนไปอยู่ใหม่ๆ เริ่มทำงานโรงงานขนมปัง จนเมื่อ 10 ปีก่อน สนใจทำอาหารญี่ปุ่น และมีผู้อุปการะจากเจ้าของร้านซูซิ เก่าจึงยกระดับขึ้นมา

เพจดังกล่าวนี้ ยังว่า เมืองไอซ์แลนด์เป็นเกาะ ประชากรไม่เยอะ โดยเฉพาะคนไทยก็รู้ๆ กันว่ามีใครบ้าง ซึ่งมีคนสังเกตเห็นว่า งานที่ “เอ้” ทำ แม้เชื่อว่า เอ้จะมีรายได้จากการแบ่งเปอร์เซ็นต์ขายซูชิ แต่ ด้วยไลฟ์สไตล์ที่สวนทางกันมาก เข้าขั้นร่ำรวยอู้ฟู่ ก็เกิดคำถามว่า “เอ้” มีรายได้อื่นๆ อีกหรือไม่? หรือรวยมาจากไหน!!?

ก่อนหน้านี้ เพจ "วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร" ยังขุดคุ้ยชีวิต “เอ้ -ไอซ์แลนด์”ว่า เอ้ อยู่กลุ่มตลาดหลวง โพสต์ด่าคนเห็นต่างและสถาบันฯ

งานนี้ ดรามา แบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจนลุกลามไปสู่ศึกวิวาทะ ระหว่างฝ่าย "อนุรักษ์" กับ "ลัทธิด้อมส้ม" มะรุมมะตุ้ม ร่วมด้วยช่วยขยี้ โดย "ขาประจำ" โหยหาแสง

เท่าที่เห็นเป็นกษัยเช่น "เอ๋ ปารีณา" นั่นไง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี โพสต์แสดงความคิดเห็นว่า ชัดเจนว่า…หมอพรทิพย์ดันทุรัง จึงต้องรับสภาพ

เขาไล่ ก็ควรรีบไป เห็นภาพแล้วไม่ได้รู้สึกเห็นใจ แต่รู้สึกเสียดายเงินภาษีประชาชน ที่เห็น สส.- สว. เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ ตามหาแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ ทั้งๆ ที่อยู่ในสมัยเปิดประชุมสภา

เรื่องนี้ “เอ๋-ปารีณา” ลั่นวาจา จะต้องถึงป.ป.ช. ให้ตรวจสอบจริยธรรมของสว. ไม่เช่นนั้นจะเป็นเยี่ยงอย่าง

ขณะที่ "ชัยธวัช ตุลาธน" หัวหน้าพรรคกก้าวไกล มองดรามา “หมอพรทิพย์” โดนไล่ว่า เป็นภาพสะท้อนความโกรธบทบาท สว.ที่ไม่เคารพเสียงประชาชน

ฝ่ายที่เห็นใจ “หมอพรทิพย์”อย่างเพื่อน สว. ด้วยกัน “สว.สมชาย แสวงการ” โพสต์ว่า เห็นสิ่งที่คุณหมอเสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติและโลก แล้วถูกกระทำเช่นนี้แล้ว รับไม่ได้ เพราะเทียบชั้นกันไม่ได้เลยกับ "เด็กทำครัว" คนหนึ่งที่ไอซ์แลนด์ ไม่เคยสร้างผลงานใดๆ ให้ประเทศชาติ กลับมีพฤติกรรมต่ำๆ ออกมาในคลิปที่คุกคามขับไล่ออกจากร้าน ด้วยความคลั่งไคล้การเมืองสุดโต่ง

แบบนั้น “สว.สมชาย” ถือว่า หยาบคาย ต่ำชั้นมาก  เพราะถ้านับคุณค่าคนกันแล้ว คนละระดับ คนละโลกกันเลย

สำทับความเห็นใจ จากบรรดาชาวเน็ตที่อ้างชาวเน็ตไอริส ว่า ความคิดเห็นของคนไอริชส่วนใหญ่ เห็นว่า กรณี “หมอพรทิพย์”โดนไล่ เป็นพฤติกรรมที่หยาบคาย ไม่รู้จักแยกแยะ และไม่มีความเป็นมืออาชีพ

ว่ากันไปถึงจะแบนร้านต้นเหตุดรามาด้วย และ บางคนได้เรียกร้องให้รัฐบาลไอซ์แลนด์ บังคับใช้กฎหมายและอย่าปล่อยให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร

ถึงตรงนี้ เชื่อว่า ดรามาไม่น่าจะจบลงง่ายๆ เพราะ แม้ “หมอพรทิพย์” จะยกธรรมะมาปลงเรื่องโดนไล่ และยอมรับผิดพลาด กรณีโพสท่าถ่ายภาพบนลาวามอส แต่ตราบเท่า "ฝ่ายแค้นฝังหุ่น" ผสมโรงกับ "ด้อมส้ม" ช่างเสี้ยม ยังดำเนินไป ก็ขอได้โปรดติดตามว่า ศึกล่าฝ่ายอนุรักษ์นี้ ยังเป็นไปอีกยาวยืด

**เอ๊ะยังไง! ทนายอนันต์ชัย ดุดันไม่เกรงใจใคร ขึ้นต้นโหมโรงเป็นหนังบู๊พอเอาเข้าจริงๆ จะเป็น "หนังรักโรแมนติก" อ๊ะป่าว!?

เปิดตัวเป็นทนายความให้กับ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. คดีค้นบ้าน อย่างดุดัน "ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช" พร้อมกับเปลี่ยนฉายาลูกความจาก "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" เป็น "โจ๊ก อัคนี" เพื่อตัดไม่ข่มนาม ศึกนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดู มีแต่จะบู๊เผาผลาญ ประกาศไว้ว่า ให้ผู้ชมรอดู "บิ๊กเซอร์ไพร้ส์" ได้เลยในสัปดาห์นี้

วันสองวันนี้ ทนายคนดัง โพสต์ลงโซเชียลฯ ถี่ๆ วันก่อนโพสต์ว่า.. "ธนู เมื่อขึ้นสายแล้ว ต้องยิงให้เต็มเหนี่ยว และตรงเป้าหมาย !

ขณะที่แม่ทัพกำลังจะยิงธนูนั้น มีพระราชโองการจากฮ่องเต้ว่า ให้ถอยทัพ เพราะศัตรูขอเจรจา แม่ทัพจะทำอย่างไร ???"
มาถึงโพสต์ชิ้นล่า เมื่อวานนี้(1ต.ค.) ด้วยข้อความว่า " ผมทนายสายชน สู้ไม่ถอย” ใครก็โน้มน้าวผมไม่ได้ นอกเสียจากผมถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งทนายความของท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ โจ๊กอัคนี( #เทพแห่งไฟ) เท่านั้น ทุกอย่างถึงจะจบ !

ผมมีอาชีพเป็นทนายความ เป็นเหรียญ 2 ด้าน เป็นได้ทั้งทนายผู้กล่าวหา หรือผู้ต้องหา และเป็นได้ทั้งทนายโจทก์และทนายจำเลย เมื่อมีคนมาว่าจ้าง ผมมีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฏต่อศาล โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ต้องทำความจริงให้ปรากฏต่อหน้าสาธารณชน ถูกคือถูก ผิดคือผิด ว่าไปตามกฎหมาย ไม่ใช่ทำดำให้เป็นขาว ขาวให้เป็นดำ ดำก็คือดำ ขาวก็คือขาว

#ผมทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะไม่ถูกใจใครบางคนก็ตาม

การตัดสินใจทำคดีของผม เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว ไม่ควรมีใครมาก้าวก่าย ไม่ต้องมาแสดงความหวังดี ผมผ่านจุดเป็นจุดตายมาแล้ว ถ้าจะฝ่าฟันอีกสักครั้ง ก็ไม่ใช้เรื่องที่ผมจะตกใจหรือกลัวแต่อย่างใด !

ผมขอขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีที่ทุกท่านเป็นห่วงผม “ผมเป็นทนายสายชน สู้ไม่ถอย” รับเป็นทนายให้ใครแล้วต้องไม่กลัว ถ้ากลัวต้องไม่รับเป็นทนายความให้ เมื่อเราเป็นทนายความแล้ว ต้องปกป้องลูกความให้ได้ ลูกความถึงจะอุ่นใจ “#ทนายใจถึงพึ่งได้”

“ลูกความ คือลูกผม ใครรังแกลูกความ คือรังแกลูกผม ใครทำร้ายลูกความ คือทำร้ายลูกผม”

#โปรดเข้าใจตามนี้นะครับ อย่ามายุ่งกับคดีของผม ทางใครทางมัน

ผมชอบเพลงนี้มาก “ เพลงไอ้สันขวาน”

ขอบคุณครับสำหรับความหวังดี ลงชื่อ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช (ทนายกระดูกเหล็ก)

งานนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมเปลี่ยนทิศ "บิ๊กโจ๊ก" อยากกลับมาหวานเจี๊ยบ เหมือนเดิม ไม่อยากเป็นแล้ว เทพแห่งไฟ หรืออะไรไม่อาจทราบ ทนายอนันต์ชัย จึงมีทั้งทิ้งปริศนา และเหมือนจะส่งสัญญาณอะไรบางอย่างในคำพูด!

จนต้องถามไถ่กันว่า..เอ๊ะยังไง!

ใครมาแทรกกันหรือ? ใครหวังดี? วานทนายกระดูกเหล็กปล่อยมาให้หมดแม็ก

เอาดีๆ ไม่งั้นงานนี้ อุตส่าห์ขึ้นต้นโหมโรงเป็นหนังบู๊ หรือเอาเข้าจริงจะลงเอยเป็น "หนังรักโรแมนติก" อะป่าว!?


กำลังโหลดความคิดเห็น