สมาคมประมง 4 แห่ง ได้แก่ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมประมงสมุทรสงคราม สมาคมประมงเรือลากคู่สมุทรสงคราม และสหกรณ์ประมงแม่กลองจำกัด ทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิกข้อบังคับกรมเจ้าท่าเรื่องการใช้เครื่องวิทยุสื่อสารระบบ VHF ในเรือประมงขนาดใหญ่ตั้งแต่ 30 ตันกรอสขึ้นไปซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว และเรือประมงขนาด 10-30 ตันกรอส จะบังคับใช้วันที่ 21 สิงหาคม 2567
สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ระบุว่า “ข้อบังคับฯนี้ เป็นอุปสรรคในการดำรงชีพของชาวประมงในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ปัจจุบันเครื่องวิทยุก็ไม่พอ ผู้ควบคุมเรือส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการอบรมบัตรพนักงานวิทยุโทรศัพท์ประจำเรือ ที่สำคัญต้องสื่อสารภาษาอังกฤษซึ่งชาวประมงไม่สันทัด”
ขณะที่กลุ่มประมงสมุทรสงคราม ระบุว่า ปัจจุบันกองทัพเรือ และกรมประมง มีช่องทางการสื่อสารกับเรือประมงผ่านวิทยุใหญ่ (MF/HF) หรือ วิทยุมดดำ (CB27 MHz) กับเรือประมงขนาดตั้งแต่ 10 ตันกรอสขึ้นไปมานานแล้ว และที่ผ่านมาไม่พบอุปสรรคในการติดต่อระหว่างเรือด้วยกัน
ทั้งนี้ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับหนังสือร้องเรียนจากสมาคมประมงไว้แล้ว ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายลดภาระต้นทุนชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย IUU ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะไม่เห็นด้วยกับข้อบังคับกรมเจ้าท่าดังกล่าว
อย่างไรก็ตามทาง คณะทำงานบูรณาการการอนุญาตและกำกับดูแลความปลอดภัยในการเดินเรือ ซึ่งมี รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษาประจำ กสทช. (รองศาสตราจารย์สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการกสทช.ด้านกิจการโทรคมนาคม) กลับมีการเชิญประชุมคณะทำงานฯ ครั้งที่ 1/2566 วันอังคารที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่สำนักงานกสทช.
แหล่งข่าวจาก กสทช. ระบุว่า แนวทางที่คณะทำงานฯจะกำหนด ก็เพื่อให้สอดคล้องไปกับข้อบังคับกรมเจ้าท่า ให้เรือประมงติดเครื่องรับส่งวิทยุสื่อสารระบบ VHF เช่น วิทยุ เรดาห์ ระบบสื่อสาร GMDSS LRIT เป็นต้น โดยเฉพาะเรือประมงที่ต่ำกว่า 30 ตันกรอส ซึ่งมีบริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการติดตั้งระบบนี้ในประเทศไทย ส่วนอุปกรณ์สื่อสารการเดินเรือจะต้องขออนุญาตจากกสทช.
“เรื่องการติดวิทยุสื่อสาร VHF ในเรือประมง กำลังเป็นที่วิจารณ์ในวงการสื่อสารอย่างมาก เพราะเกี่ยวเนื่องกับค่าใช้จ่ายเรื่องอุปกรณ์บนเรือซึ่งต้องจัดซื้อค่อนข้างสูงมาก เรือประมงอยู่ในข่ายติดตั้งนับหมื่นลำ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทสื่อสารมากกว่าชาวประมงท้องถิ่น และที่สำคัญคือขัดต่อนโยบายของรัฐบาลหรือไม่” แหล่งข่าวระบุ