“ทนายเชาว์”ชี้ช่องกฎหมาย จำเลยคดี 112 แนะ! ยอมเปิดปากสำนึกผิด รับสารภาพต่อศาล อ้าง ถูกปลุกปั่น ซัดทอดตัวการเสี้ยมข้อมูล เชื่อ ศาลอาจรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษให้ เตือน อย่าหวังคำลวงนิรโทษกรรมหรือยกเลิก 112 ที่เป็นไปไม่ได้ แนะให้ดูตัวอย่างหลานสาวนาย ธ.ไม่ติดคุก 112 เพราะรับสารภาพ
วันนี้( 30 ก.ย. 66 ) นายเชาว์ มีขวด ทนายความ อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ๊ค เรื่อง คำพูดสุดท้ายจำเลยคดี 112 ที่ยังพอทำได้ คือเปิดปากสำนึกผิด รับสารภาพต่อศาล ถูกปลุกปั่น ซัดตัวการเสี้ยมข้อมูล คือทางรอดไม่ติดคุก มีเนื้อหาระบุว่า ได้อ่่านข้อความที่ สส. ไอซ์รัชนกไพสต์เฟสเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.66 ) เกี่ยวกับ เรื่องที่ตนเองโดนฟ้องข้อหาความตามตรา 112 เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว คดี สืบนพยานมาถึงช่วงสุดท้าย ศาลนะฟังคำพิพากษาวันที่ 2 ตุลานี้ แต่อยูในช่วงสมัยประชุม จึงขอเอกสิทธิ์เลื่อนไปฟังคำพิพากษาวันที่ 14 ธันวาคม ทั้งยังกล่าวตัดพ้อทำนองว่าหลังจากเห็นคำตัดสินของศาลและบรรทัดฐานการไม่ให้ประกันในคดีของทนายอานนท์ ก็ต้องบอกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง จับตาดูกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฏหมาย ศาล ในรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วชุดนี้จะดีขึ้นกว่ารัฐบาลประยุทธ์หรือไม่
นายเชาว์ระบุต่อไปว่า ผมไม่ได้ทราบข้อเท็จจริงในสำนวนที่สู้กันในชั้นพิจารณาของศาล ว่ามีประด็นใดบ้าง แต่ถ้าดูคำสัมภาษณ์ ของ สส. รักชนก ตอนก่อนจะให้การกับพนักงานสอบสวน สส. รัชนกกล่าว ว่า “อยากจะย้ำกับทุกคนว่ามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่กำลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ อยากให้ทุกคนได้ตระหนักว่าเป็นกฎหมายที่มีปัญหา โดยมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน “ สอดรับลูกนัทที่มาให้กำลังใจ กล่าวว่า “ในวันนี้มาให้กำลังใจและมาเป็นเพื่อนไอซ์ จากการที่ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ทางไอซ์ไม่ได้เป็นห่วงอะไร ซึ่งคิดว่ากฎหมายที่ไม่ได้มีความชอบธรรมอยู่แล้วในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการวิจารณ์หรือการที่จะแสดงออก การพูดของประชาชนจะต้องมีสิทธิ์ในการพูดโดยเฉพาะการพูดเรื่องจริง” ชุดความคิดที่ทุกคนถูกเสี้ยมข้อมูดผิดๆเกี่ยวกับมตรา 112 ว่าเป็นกฎหมายที่ไม่ได้มีความเป็นธรรม ในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ปิดปากการวิจารณ์หรือการที่จะแสดงออกการพูดของประชาชนจะต้องมีสิทธิในการพูดโดยเฉพาะการพูดเรื่องจริง ต้อมีสิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการวิพากษ์วิจารณ์สถาบัโดยไม่ผิดมตรา 112 ผลที่ตามมามีเยาวชนและคนรุ่นใหม่ลงผิดเชื่อตามคำเสี้ยมของผู้ชักใยจำนวนมาก ใครออกตัวแรง ด่าตรงตรง หยาบๆ ถ่อยๆ จะได้รับปูมบำเน็จ ยกเป็นแกนนำและจะได้รับการเสนออชื่อให้เลงสมัครสสส.พรรคก้าวไกลในเวลาต่อมา โดยขาดความรู้ที่ถูกต้องว่าการใช้สิทธิ์เสรีภาพในทางใดก็ตามถ้าไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ผิดกฎหมาย หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดามตรา 326 ,328 มีโทษจำคุกสูงสุดถึงสองปี ซึ่งสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากมาตรา 112 แต่ที่บัญญัติโทษให้สูงขึ้นเพราะเป็นความผิดต่อพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะประมุขของรัฐ หรือแม้แต่ประมุขของรัฐต่างประเทศในข้อหาเดียวกับมตรา 112 ที่บัญญัติไว้ในมตรา 133 ก็มีโทษสูงเช่นเดียวกัน แต่ไม่เห็นมีใครออกมาโจมตีคัดค้าน
นายเชาว์ระบุด้วยว่า สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับชาติบ้านเมืองมานับพันปี กษัตริย์ในอดีตเคยนำทัพจับศึกกอบกู้เอกราชรวมอาณาประชาราษฎร์สร้างชาติมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องรบทัพจับศึกด้วยตนเอง ด้วยมือถือหอกดาบ บนหลังช้างหลังม้า เป็นหัวหอกนำหน้าในการต่อสู้กับอริราชศัตรู ความเป็นสายเลือดนักสู้ของกษัตริย์จึงเป็นที่เชิดชูเคารพบูชาจากอาณาประชาราษฎร์ให้เป็นเจ้าเมืองเจ้าแผ่นดิน เป็นพระมหากษัตริย์ ให้เราได้มีแผ่นดินอยู่ถึงประเทศไทยในวันนี้ แม้ปัจจุบันสภาพการณ์ของโลกจะเปลี่ยนไป สถาบันกษัตริย์ก็ได้ปรับบทบาทได้เข้ากับยุคสมัยมาตลอด การออกช่วยเหลือดูแลทุกข์สุขอาณาประชาราษฎร์ยามเกิดเหตุภัยพิบัติรุนแรง หรือแม้ในยามปกติ เช่นการบริจาคเงิน ส่วนพระองค์ให้กับโรงพยาบาลต่างๆเพื่อช่วยอุปกรณ์การแพทย์ที่ราคาแพงและขาดแคลน ครั้งละจำนวนหลายพันล้าน หรือแม่แต่ความเป็นอยู่ส่วนตัวเวลามีขบวนเสด็จ ยังเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนจากการปิดถนนทำให้รถติด ในวันที่เสด็จไปปัตตานีเมื่อไม่กีวันที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นภาพ ไม่มีการปิดถนนให้รถต้อหยุดเพื่อให้รถนำขนวนผ่านก่อน แต่ก็ให้วิ่งไปพร้อมๆ กันได้เลย ถือเป็นภาพประทับใจ
"ผมจึงมอบไม่เห็นว่าการมีสถบันกษัตริย์แล้ว บ้านเมืองมันจะเสียหายอย่างไร หรือการไม่มีสถาบันและบ้านเมืองจะดีขึ้นอย่างไร แต่อย่างที่รู้กันว่ามันมีบุคคลที่คอยแอบชักใยอยู่เบื้องหลังมีวาระซ่อนเร้นต้องการล้มล้าสถาบันโดยอาศัยการปลุกปั่น เสี้ยมข้อมูลยัดสมองเยาวชนหน่วยกล้าตาย ยอมเป็นหนูทดลองยาแลกกับผลประโยชน์เฉพาะหน้าที่ตนจะได้รับ แต่พวกที่ชักใยอยู่ข้างหลังอยู่สบายไม่ต้องติดคุก เสวยสุขด้วยทุนต่างชาติ รอเสวยอำนาจถ้าทำสำเร็จ แต่หน่วยกล้าตายที่กำลังติดคุกอย่างทนายอานนท์ ไม่ได้ประกันตัว และกำลังรอวันติดคุกเร็วๆนี้อีกหลายรายที่เป็น สส นอกจาก ไอซ์ รักขนก และ ยังมี สส . ชลธิชา และอีกหลายคน ซึ่งถ้าดูตามรูปคดีน่าจะไม่มีใครรอดสักคนเพราะความผิดตามตรา 112 ศาลถือพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง กระทบกระเทือนการปกครองในระบบประชาธิปไตย แต่โทษอาจลดหลั่นกันไปความหนักเบาของถ้อยคำและพฤติการณ์ของแต่ละคน มองเห็นหนทางข้างหน้าแล้วมืดมนเต็มที
“ในฐานะทนายความที่ศึกษาและเกาะติดเรื่องนี้มาตลอด จึงรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของคนเหล่านี้ตั้งแต่ทนายอานนท์ และที่จะตามมาอีกหลายสิบคน อย่าคิดสู้เลยครับสู้อย่างไรก็ไม่ชนะ เพราะความผิดมันชัดแจ้งปรากฏตามภาพและแผ่นบันทึกเสียง จะเอาทนายเก่งขนดไหนก็สู้ไม่หยุด และอย่าคาดหวังคำหวานของคนเสี้ยมที่บอกว่าจะรอแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญล้มล้างการปกครอง จึงเห็นว่ามีทางเดี่ยวที่จะที่จะไม่ต้องติดคุกก็คือการรับสารภาพต่อศาล ว่าที่ทำไปเพราะถูกปั่นหัวจากการฟังหรืออ่านชุดข้อมูลบิดเบือนมา ถ้าอ่างอิงข้อมูลที่ได้รับมาด้วย หรือซัดทอดไปถึงตัวการคนที่เสี้ยมอยู่ข้างหลังอย่างมีเหตุมีผลและน่าเชื่อถือด้วยแล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในการพิจารณาโทษเป็นอย่างมาก รวมทั้งแสดงความสำนึกผิดต่อศาลและยอมรับว่าต่อไปจะไม่กระทำผิดหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้อีกแล้ว เชื่อว้าศาลคงเมตตาปราณีโทษ จากหนักเป็นเบา แทนที่จะติดคุก ศาลอาจรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษให้ก็ได้ ไม่เชื่อลองไปศึกษาคดีที่หลานสาวนาย ธ. ที่โดนคดีมตรา 112 มาก่อนนี้ดูสิว่าไม่ติดคุกเพราะได้รับคำแนะนำให้รับสารภาพใช่หรือไม่” นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย