xs
xsm
sm
md
lg

ปาหี่ “ปดิพัทธ์” กับดักเทวดาก้าวไกล !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ปดิพัทธ์ สันติภาดา - ชัยธวัช ตุลาธน
เมืองไทย 360 องศา

นาทีนี้จะว่าไปก็น่าเห็นใจ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่เข้ามาในโควตาพรรคก้าวไกล เพิ่งจะได้นั่งเก้าอี้ได้แค่สองเดือนเศษ ก็ต้องถูกบีบให้ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นคือ จะต้องลาออกจากตำแหน่งตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้หัวหน้าพรรคได้รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

ดังนั้น สำหรับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา มีอยู่สองทางเลือก คือ ดื้อแพ่งไม่ลาออก หรือ สองแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งทันที หลังจากทราบว่าพรรคก้าวไกล มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคคนใหม่เพื่อมารับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร รวมทั้งมีส่วนในการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ดี เชื่อว่า ขั้นตอน “สำแดงสปิริต” ของนายปดิพัทธ์ คงจะผ่านพ้นไปแล้ว เพราะหากเจ้าตัวคิดจะลาออกก็คงจะประกาศออกไปตั้งแต่พรรคก้าวไกลเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นนายชัยธวัธ ตุลาธน ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ซึ่งล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็ได้เร่งรัดให้พรรคก้าวไกล และนายปดิพัทธ์ รีบหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากยังมีภารกิจที่ต้องดำเนินการทั้งสองตำแหน่งอีกมากมายรออยู่

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า ได้ฟังคำสัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคก้าวไกลแล้ว ชัดเจนว่า จะขอรับรองตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ คงต้องรอให้พรรคก้าวไกลแจ้งผลการประชุมอย่างเป็นทางการ จากนั้นสภาฯจะดำเนินการขอเอกสารจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าได้มีการประชุมเรียบร้อยแล้ว และต่อไปจะเป็นขั้นตอนการเสนอ เพื่อโปรดเกล้าฯ ขณะเดียวกัน พรรคที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธาน หรือรองประธานสภาฯ ถ้าทั้ง 2 กรณีนี้ลงตัว ก็สามารถเสนอเพื่อโปรดเกล้าฯ ได้

ถามว่า จะต้องแจ้งพรรคก้าวไกลหรือไม่ ว่าจะมีความชัดเจนเมื่อไหร่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน ไม่ได้มีระยะเวลา แต่พรรคก้าวไกลมีหน้าที่ต้องไปแจ้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากเลือกหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรค ภายใน 15 วัน เราจะได้ทราบข้อมูลจาก กกต.ว่า ได้รับรายงาน และตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง ทางสภาฯ ก็จะรอว่าเรื่องตำแหน่งรองประธานสภาฯ พรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไร ต่อไป

เมื่อถามว่า ทุกอย่างจะต้องแล้วเสร็จภายใน 15 วัน หรือไม่ ประธานสภาฯ กล่าวว่า เรียบร้อยเมื่อไหร่ก็สามารถเสนอได้ แต่ทางสภาฯอยากให้เรียบร้อยเร็วๆ เพื่อเสนอโปรดเกล้าฯ เพราะบทบาทผู้นำฝ่ายค้านฯ มีภารกิจจำนวนมาก ทั้งงานในคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) อีกทั้งต้องเป็นกรรมการอีกหลายชุด

เมื่อถามว่า ได้มีการหารือกับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา คนที่ 1 แล้วหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย เป็นเรื่องการตัดสินใจของนายปดิพัทธ์ และพรรคก้าวไกล

ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคก้าวไกล นัดหารือร่วมกับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ถึงตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 1 หลังพรรคก้าวไกลมีมติจะรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน

นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ขอแทรกแซง ส่วนตัวได้เลือกนายปดิพัทธ์ เป็นรองประธานสภา คนที่1 ด้วย จึงอยากให้นายปดิพัทธ์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ได้ดีแล้วนั้นได้ทำงานต่อไป แต่ทำอย่างไรที่ไม่ให้อยู่ในสายตาที่เลอะเลือนความสง่างาม

“อย่าสร้างนิติกรรมอำพราง ความสง่างามจะไม่มี ถ้าคุณเดินทางไม่มีความสง่างาม ขึ้นบนบัลลังก์ก็จะไม่มีใครเคารพ เขามีความผิดอะไร การเป็นรองประธานฯ มันผิดอย่างร้ายแรงเชียวเหรอ มันไม่มีในข้อบังคับพรรคไหนหรอก เว้นแต่จะเล่นละครปาหี่กัน” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร กล่าวย้ำว่า ไม่เห็นด้วยกับการขับนายปดิพัทธ์ ออกจากพรรคก้าวไกล เพราะนายปดิพัทธ์ ไม่มีความผิดอย่างร้ายแรง

“ผมขอเตือนทุกพรรคจะขับใครออกจากสมาชิกพรรค ดูสังคมเขาด้วย ผมไม่ร้องอยู่แล้ว แต่อยู่ในสภาฯ นี่เดินไป จะมีเงาของตัวเองหรือเปล่า เงาแห่งเกียรติยศน่ะ หวังว่าพรรคการเมืองทุกพรรคจะไม่ขับใครโดยไม่มีข้อหา” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร ยืนยันว่า จะไม่เสนอญัตติให้ลงมติต่อตำแหน่งของนายปดิพัทธ์ เนื่องจากได้เลือกนายปดิพัทธ์มากับมือ ซึ่งมองว่านายปดิพัทธ์ ขึ้นบนบัลลังก์ ทำหน้าที่ในสภา ดีมาก แต่ถามพรรคที่สังกัดว่าจะขับได้อย่างไร นายปดิพัทธ์ทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว

แน่นอนว่า ในคำพูดดังกล่าวข้างต้นของ นายอดิศร เพียงเกษ อาจฟังในมุมชื่นชมการทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนฯของ นายปดิพัทธ์ ว่าทำได้ดี และไม่มีเหตุผลอะไรที่พรรคก้าวไกลจะต้องขับเขาออกจากพรรค ซึ่งหากพิจารณากันอย่างเข้าใจมันก็คือ “การเยาะเย้ยถากถาง” ทั้งตัว นายปดิพัทธ์เอง รวมไปถึงพรรคก้าวไกล เอาไว้ล่วงหน้า เป็นการ “ดักคอ” เอาไว้ทำนองว่าอย่าพยายามใช้ “แทคนิก”ทางกฎหมายแบบน้ำเน่า เพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้ นั่นคือ ต้องการได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยอมปล่อยมือเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร

เวลานี้สังคมกำลังมองออกว่า เมื่อ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ยังไม่ยอมแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง ก็คงเลือกใช้วิธีเลี่ยงกฎหมายร่วมกับพรรคก้าวไกล นั่นคือ พรรคต้องใช้วิธีขับออกจากส.ส. แล้วให้เขาไปหาสังกัดพรรคการเมืองใหม่ภายใน 30 วัน ซึ่งมีความเป็นไปได้แค่สองพรรคคือ พรรคเป็นธรรม กับ ไทยสร้างไทย และวิธีการแบบนี้ย่อมทำได้ โดยที่ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนฯ ยังดำเนินต่อไป เพียงแต่ว่ามันเลี่ยงไม่พ้นที่ต้องถูกเยาะเย้ย เหยียดหยาม จากภายนอก เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล มักจะโจมตีพรรคอื่นว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ทำการเมืองแบบล้าหลังยุคเก่าประเภท “น้ำเน่า” หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็ทำนอง มาตรฐานเทวดา อะไรประมาณนั้นแหละ

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา หากโฟกัสไปที่ตัวบุคคลสำหรับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่หลังจากรับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่กี่วัน ก็ถือว่าขยันสะสมแต้มลบมาตลอด จนถูกเยาะเย้ย มีสมญา “ทั่นรองหมูกระทะ” หรือ “นักเชียร์เบียร์” และล่าสุด เพิ่งถูกรุมถล่มจากการยกคณะไปดูงานสิงคโปร์ในแบบที่ถูกวิจารณ์ว่า “ผลาญงบ” ไร้ประโยชน์ ดังนั้น หากประมวลมาจากพฤติกรรม และความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ทำให้หลายคนมั่นใจได้ไม่ยาก เขาไม่ลาออก แต่จะใช้วิธีให้ขับออก เพื่อรักษาเก้าอี้เอาไว้ค่อนข้างแน่ แต่หากถึงเวลานั้นมันก็คงสนุกสนานน่าดูทีเดียว !!



กำลังโหลดความคิดเห็น