xs
xsm
sm
md
lg

“อุ๊งอิ๊ง” กำลังมา สัญญาณเศรษฐาไม่มั่นคง!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เศรษฐา ทวีสิน - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่านาทีนี้อาจยังเห็นภาพไม่ชัดนัก สำหรับการรุกคืบเข้ามาของ “ครอบครัวชินวัตร” ที่มี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าทีมใหญ่ และสังคมก็รับรู้กันมานานแล้ว ว่า พรรคเพื่อไทย มีคนของครอบครัวนี้ มีอิทธิพลสูงมากไม่ต่างจากการเป็น “เจ้าของพรรค”

หากโฟกัสกันให้แคบเข้ามาอีกเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นมา ก็ต้องเริ่มจากความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญทางการเมืองของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เคยมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับที่หนึ่ง ของพรรค เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็น รองประธานคณะกรรมการซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวถูกมองว่าจะมีบทบาทไม่ต่างจากคณะกรรมการ “กำกับรัฐบาล” หรือ รัฐบาลเงากันเลยทีเดียว

เพราะตัวบุคคลที่เป็นคณะกรรมการล้วนระดับที่เรียกว่า “ขาใหญ่” หรือไม่ก็เป็นประเภทที่เคย “รับใช้ใกล้ชิด” ทั้งกับครอบครัวชินวัตร รวมไปถึงเคยมีบทบาทในพรรคเพื่อไทยมานาน ตั้งแต่ยุคนายทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีเรื่อยมา
จากการแถลงของ นายสัตวแพทย์ ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ประกาศเมื่อตอนหาเสียงไว้ว่า ซอฟต์เพาเวอร์เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยได้เล็งดำเนินการโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งเราได้ปูเรื่องรายได้ว่ารายได้ขั้นต่ำของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน และการสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่งนั้น เป็นเรื่องใหญ่

ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธาน นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษา และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ผู้ที่จะดำเนินการประสานงาน คือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามถึงการตั้ง น.ส.แพทองธาร มาเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ จะให้ทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ นายสัตวแพทย์ ชัย กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ น.ส.แพทองธาร จะเป็นรองประธาน ที่มีนายกฯ เป็นประธาน โดยคณะกรรมการจะมีบทบาทกำหนดแนวทาง รูปแบบ กติกา ว่าจะส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์ ดึงคนที่มีศักยภาพ มีพรสวรรค์ ของแต่ละครอบครัว เราจะเฟ้นหาอย่างไร

ถัดมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “OFOS - THACCA” เตรียมพร้อมวิ่งแล้วค่ะ

“เมื่อวานนี้ กรรมการในส่วนภาคเอกชนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ได้ประชุมกันนอกรอบเพื่อสรุปข้อเสนอซอฟต์เพาเวอร์ด้านต่างๆ ที่ TCDC ไปรษณีย์กลาง เป็นการเตรียมพร้อมก่อนการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่ทำเนียบรัฐบาล กับท่านนายกฯ ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ค่ะ การประชุมนี้มี อาจารย์พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษา คุณหมอเลี้ยบ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการสภาพัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการ CEA ผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ และเลขาฯ  รมว.วัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมด้วยค่ะ

“บรรยากาศการประชุมสนุกมากค่ะ ไอเดียข้อเสนอต่างๆ มาแบบจัดเต็ม ในฐานะรองประธานกรรมการ อิ๊งค์ ก็อดรู้สึกตื่นเต้น และมีความหวังไม่ได้ ถ้าเราร่วมกันอย่างเต็มที่ขนาดนี้ เป้าหมายของ OFOS - THACCA ที่จะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และทักษะระดับสูง ให้กับพี่น้องประชาชน 20 ล้านคน ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์เพาเวอร์ด้านต่างๆ ให้ไปไกลถึงระดับโลก น่าจะทำได้ไม่ยากด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่ายค่ะ

เมื่อพิจารณาจากรายชื่อและตัวบุคคลที่เข้ามาร่วมในคณะกรรมการดังกล่าว ย่อมมองเห็นได้เลยว่าไม่ธรรมดา อีกทั้งนี่คือ “คณะกรรมการยุทธศาสตร์” ก็ย่อมเป็นหัวใจสำคัญสำหรับทั้งพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กัน ก็คือ นี่คือ การ “รุกคืบ” เข้ามา “ทีมโทนี่” ที่มี “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เหมือนกับการเข้ามากำกับดูแล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ หากมองจากตัวบุคคล ทั้งที่เป็นรัฐมนตรี ทีมที่ปรึกษา ระดับเลขานุการ ล้วนไม่ต่างจาก “คนบ้านใหญ่” ไม่มีผิด เรียกว่า บางตำแหน่งยกกันมาทั้งครอบครัว ลูกเขย หลานเขย กันเลยทีเดียว

นอกเหนือจากนี้ หากพิจารณาตามจังหวะเวลา รวมไปถึงแนวโน้มทางการเมืองในวันข้างหน้าแล้ว มันก็น่าจะถึงเวลาที่จะต้องรุกเข้ามาแบบเต็มตัวมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเวลานี้ถือว่า พรรคเพื่อไทยได้อำนาจรัฐมาอยู่ในมือแล้ว และนั่นก็ย่อมหมายถึง “ชินวัตร” ก็มีอำนาจด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่า ในช่วงแรกนั้นมันคาบเคี่ยวกับช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร กำลังมีกำหนดกลับไทยมาพอดี (22 สิงหาคม) และตรงกับวันโหวตนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมรัฐสภา กำลังถูกวิจารณ์และเฝ้าจับตามองจากสังคม ทำให้ ต้องถอย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาก่อน แม้ว่าเป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1 ของพรรคก็ตาม

และที่ต้องจับตามองอย่างยิ่ง ก็คือ การประกาศความพร้อมเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในช่วงที่กำลังจะมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่สืบแทน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ต้องลาออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งหาก น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรค ถือว่าทุกอย่างชัดเจนกว่าเดิม ว่า ครอบครัวชินวัตร กลับเข้ามาคุมพรรคอย่างเบ็ดเสร็จเหมือนเดิม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว
ขณะเดียวกัน การรุกเข้ามาแบบนี้ อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกันส่งสัญญาณ “ความไม่มั่นคง” ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ถูกมองว่า เข้ามาภายใต้ฐานการสนับสนุนจากครอบครัวชินวัตร แต่เป็นการเข้ามาในช่วงที่ “ตัวหลัก” หรือ “ทายาท” คนเดิมยังไม่พร้อม และสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นยังไม่พร้อมที่จะให้เปิดหน้าชนอย่างเต็มตัว แต่เมื่อทุกอย่าง “เริ่มเข้าที่เข้าทาง” มันก็ถึงเวลาที่จะต้องเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวสำคัญนี้

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องมาขบคิดกันเพิ่มเติม ก็คือ การที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ประกาศตั้งนายทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษานายกฯ หลังจากพ้นโทษระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้จะมาปฏิเสธว่าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เป็นแค่การขอคำปรึกษาเหมือนกับอดีตนายกฯ หรือผู้มีประสบการณ์คนอื่น ไม่ใช่เป็นการแต่งตั้งตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็ตาม อีกด้านหนึ่งอาจเป็นการ “หลุดปาก” หรือ “ปากไว” แต่ผลสะท้อนกลับมานั้นถือว่า อื้ออึง มีเสียงวิจารณ์ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
แต่ถึงอย่างไรถือว่าสังคมได้กลับมาจับตามอง นายทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ เชื่อว่า ทั้งเจ้าตัวและคนในครอบครัวอยากให้เรื่องเงียบ ไปจนกว่าจะได้รับการอภัยโทษและออกมาก่อน แต่การที่อ้างว่าต้องได้รับการผ่าตัด และต้องพักฟื้น และรักษาอาการที่โรงพยาบาลตำรวจเกินกว่า 30 วัน มันก็ทำให้เกิดคำถาม และเสียงวิจารณ์กันขรมขึ้นมาอีก และจะด้วยเหตุนี้หรือเปล่า ที่ ล่าสุด นายเศรษฐา เกิดอารมณ์หงุดหงิด เมื่อถูกสื่อถามในเรื่องการตั้งนายทักษิณ เป็นที่ปรึกษานายกฯ โดยย้ำอีกครั้งว่า ไม่จริง เป็นการแปลคำพูดเกินความจริง พร้อมกับย้ำว่าไม่เคยพูดแบบนั้น

เมื่อวกกลับมาที่ความเคลื่อนไหวของ “ครอบครัวชินวัตร” ที่เริ่มรุกเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการเข้ามารับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทั้งในเรื่องตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์ รวมไปถึงต้องจับตาไปถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ที่จะมีการเลือกตั้งกันใหม่อีกไม่นาน หากเป็นจริงก็ถือว่าชัดเจน ขณะเดียวกัน ก็เริ่มเห็นความไม่มั่นคงของ นายเศรษฐา ทวีสิน ในเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่อย่างน้อยหากคาดเดาก็น่าจะไม่เกิน 1 ปี ก็ต้องเปลี่ยนให้ “ตัวจริง” เข้ามาหรือไม่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น