คณะผู้บริหาร “เดทตอล” สานพลัง “การรถไฟแห่งประเทศไทย” ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพยับยั้งการแพร่เชื้อและสามารถฆ่าเชื้อไวรัส-แบคทีเรีย-เชื้อรา ได้ถึง 99.9% มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท หวังทลายห่วงโซ่การแพร่เชื้อจากนอกบ้านกลับไปสู่ในบ้าน ปกป้องคนไทย-นักท่องเที่ยว จากโรค ไข้หวัดใหญ่ และ “โรคติดเชื้อ RSV” ที่กำลังแพร่ระบาดหนักในช่วงฤดูฝน สร้างความเสี่ยงรุนแรงแก่ทั้งผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และเด็ก
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัยภายใต้แบรนด์ “เดทตอล” (Dettol) เล็งเห็นความสำคัญในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อต่างๆ จึงมีการส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการแพร่เชื้อและสามารถฆ่าเชื้อไวรัส-แบคทีเรีย-เชื้อรา ได้ถึง 99.9% มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท เพื่อป้องกันการติดเชื้อและความเสี่ยงในห่วงโซ่ของการแพร่เชื้อจากนอกบ้าน (Out-of-home) ไปสู่ในบ้าน (In-home) ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 โดยมุ่งหวังให้ผู้โดยสารลดโอกาสเจ็บป่วย
ทุกวันนี้ประชาชนจำนวนมากเลือกเดินทางด้วยระบบราง ซึ่งนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังมีความสะดวกสบาย และปลอดภัย โดยปัจจุบันการเดินทางโดยรถไฟเป็นที่นิยมและถือเป็นการขนส่งมวลชนสาธารณะหลักของประเทศ มีผู้โดยสารมากกว่า 100,000 คนต่อวัน ทั้งผู้โดยสารรถไฟชานเมือง รถไฟทางไกล รถไฟข้ามจังหวัด รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา รฟท. ให้ความสำคัญกับการรักษาสุขอนามัยและมาตรการทำความสะอาดพื้นผิว-จุดสัมผัสที่ได้มาตรฐานสากล ในทุกๆ อุปกรณ์ สถานี และ ขบวนรถ เพื่อดูแลสุขอนามัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารมาโดยตลอด
ความมุ่งหวังของ รฟท. ที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายในการทำธุรกิจของ ‘เดทตอล’ ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขอนามัยดี ลดวันเจ็บป่วย และไม่นำเชื้อโรคแพร่ไปสู่คนที่รักหรือครอบครัว โดยเฉพาะโรคอุบัติใหม่ รวมถึง “โรคติดเชื้อ RSV” ที่ระบาดหนักช่วงฤดูฝนอยู่ในขณะนี้ และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง โดยโรคติดเชื้อ RSV สามารถติดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และอาการจะรุนแรงในเด็กเล็กถึง 2 ปี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนจะต้องมีการดูแลสุขอนามัยอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ดี ในสถิติทั่วไปเชื้อโรคสามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวได้ถึง 48-72 ชั่วโมง ผู้ใหญ่จึงมีโอกาสที่จะนำเชื้อโรค หรือเชื้อ RSV จากการสัมผัสนอกบ้านกลับไปแพร่กระจายสู่เด็กในบ้านได้โดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ ลดความเสี่ยงในห่วงโซ่ของการแพร่เชื้อจากนอกบ้านสู่ในบ้าน ควบคู่ไปกับการล้างมือเป็นประจำและการรักษาสุขอนามัย ที่จะช่วยให้คนที่คุณรักปลอดภัย ลดวันที่เจ็บป่วยลงได้
ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด 19 จะคลี่คลายลงแล้ว แต่ทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันว่าไม่อาจจะประมาทหรือไว้วางใจได้ เพราะในอนาคตก็จะมีโอกาสเกิดโรคอุบัติใหม่และโรคติดเชื้อเกิดขึ้นได้อีก ฉะนั้นการเตรียมความพร้อมรับมือและการมี ‘เครื่องมือ’ ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อโรค อันหมายถึงผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการแพร่เชื้อและสามารถฆ่าเชื้อไวรัส-แบคทีเรีย-เชื้อรา ได้ถึง 99.9% จะช่วยให้ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการมีความมั่นใจและปลอดภัยในการเดินทาง
การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะช่วยปกป้องให้คนไทยแข็งแรง ห่างไกลจากโรคติดต่อและโรคติดเชื้อ จึงนำมาสู่ความร่วมมือในการส่งมอบผลิตภัณฑ์มูลค่า กว่า 14 ล้านบาท เพื่อใช้การรถไฟแห่งประเทศไทยนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ ให้คนไทยมีสุขอนามัยที่ดี ทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสถานีต่างๆ ทั่วประเทศ
ความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกคน เดินทางไปถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัย ด้วยสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยจากเชื้อโรคระหว่างการเดินทาง เพื่อให้สามารถท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขกันทั้งครอบครัว
ที่ผ่านมา รฟท. มีนโยบายเรื่องการให้บริการที่ดีควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพเจ้าหน้าที่และประชาชนมาโดยตลอด ทุกวันนี้ รฟท. มีมาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ‘สถานีรถไฟ’ ทุกแห่ง มีการทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัส ทั้งสถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ที่พักผู้โดยสาร สถานที่ให้บริการ ปุ่มกดตู้จำหน่ายเครื่องดื่ม มือจับ ลูกบิด ปุ่มกดปิด-เปิดประตู ฯลฯ ด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อและแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับ ‘ในขบวนรถ’ ที่มีการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสบ่อย ทั้งราวบันได ที่จับประตู ราวจับในรถโดยสาร เบาะที่นั่ง ที่นอน พนักพิง ตู้โดยสาร ห้องน้ำ ห้องสุขา ในทุกๆ เที่ยวที่นำขบวนออกจากสถานีต้นทาง
การร่วมมือกันในครั้งนี้ จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการดูแลสุขอนามัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกคน จะถูกนำไปใช้สนับสนุนการให้บริการประชาชนในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟทั้งในพื้นที่ กทม.ตลอดจนหัวเมืองทั่วประเทศ