นายกรัฐมนตรีเผยภาคธุรกิจ Goldman Sachs - Estee Lauder - Microsoft - Google สนใจลงทุนในไทย เตรียมสานต่อให้เกิดจริงในการประชุมเอเปกที่ซานฟรานซิสโกในเดือนพฤศจิกายนนี้
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ณ โรงแรม St. Regis นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงภารกิจตลอดทั้งวัน ว่ามีภารกิจแน่นทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เริ่มตั้งแต่วีดีโอคอลไปยังประเทศไทยพูดคุยกับ Asian Business Council ซึ่งเป็นการรวมตัวของนักธุรกิจอาเซียน กว่า 80 คน ในจำนวนนี้มีนักธุรกิจไทย 10 คน เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่มาประชุมที่ประเทศไทย แต่เนื่องจากติดภารกิจที่นิวยอร์ก ตนจึงได้วีดีโอคอลไป ซึ่งได้มีการพูดคุยถึงภารกิจของรัฐบาลใหม่ว่ามีอย่างไรบ้าง และเปิดให้ถามตอบ ซึ่งมีนักธุรกิจทั้งของไทยและต่างชาติ สอบถามมาหลายเรื่อง ทั้งการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า มีเพื่อนเป็น ผู้บริหารระดับสูง ลำดับ 2 ของ Goldman Sachs ซึ่งเป็นบริษัทการเงินระดับโลก หลังวีดีโอคอลกับ Asian Business Council แล้วจึงมาพูดคุยและรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน Goldman Sachs เป็นบริษัทการเงินขนาดใหญ่และมีลูกค้าทั่วโลก มีสำนักงานตั้งอยู่ฮ่องกงและสิงคโปร์ ตนได้บอกไปว่าประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจและเชื้อเชิญให้นักลงทุนเข้ามา จึงต้องการให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศได้เชื่อมต่อในทุกมิติ ขณะที่นักลงุทนไทยที่จะไปต่างประเทศ ก็ต้องมีสถาบันการเงินเช่นกัน ทาง Goldman sachs ก็พร้อมและดูว่าจะมีโอกาสแค่ไหนในการมาตั้งสถาบันการเงินในไทย
จากนั้นได้พูดคุย กับ ผู้บริหารของบริษัทเครื่องสำอาง Estee Lauder ซึ่งอายุ 90 กว่าปีแล้ว แต่ก็มาคุยด้วยตนเอง เพราะให้ความสำคัญกับเรื่องมิตรภาพที่มีความสัมพันธ์กับคนไทยไม่ว่าจะเป็นครอบครัวจิราธิวัฒน์ และครอบครัวอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ซึ่งให้ความสัมพันธ์กับมิตรภาพที่มีมายาวนาน ซึ่งตนอยากให้ Estee Lauder มาลงทุนในไทย อยากให้มีการจ้างงาน จึงได้มีการเชื้อเชิญมาลงทุนในไทย
ขณะที่ทาง Estee Lauder มีการสอบถามว่าสาหร่ายที่ไทยเป็นอย่างไร เพราะถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำเครื่องสำอางค์ ตนจึงให้การบ้านกับทีมงานไปพิจารณาเรื่องของสาหร่ายที่อาจทำเป็นฟาร์มสาหร่ายขึ้นมา เรื่องจากเรื่องของวัตถุดิบ เป็นเรื่องสำคัญที่เขาจะพิจารณาในการตั้งโรงงาน ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี
จากนั้นได้พูดกับไมโครซอฟท์ ซึ่งได้ประโยชน์มาก เพราเขาสนใจมาลงทุนหลายเรื่อง ซึ่งเขาจะลงทุนครั้งใหญ่ จึงมึการนัดหมายอีกครั้ง ในช่วงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ที่ไทยจะต้องไปร่วมประชุมเอเปคที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งตนเองได้ใหการบ้านและกรอบเวลาที่ชัดเจนกับทีมว่าจะทำอะไรกันบ้าง เพื่อให้การลงทุนชัดเจน เนื่องจากอยากให้การลงทุนเกิดขึ้นจริงๆ
และช่วงบ่ายได้พบกับกูเกิ้ล ซึ่งผู้บริหารระดับสูงอันดับสอง ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารด้านการลงทุนมาพูดคุยด้วยตนเอง สำหรับกูเกิ้ลมีสำนักงานใหญ่ในประไทยด้วย และรู้จักกันดีเพราะตนเคยได้รับเชิญไปพูดเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียม จึงมีความผูกพันกันมา ซึ่งกูเกิ้ลเองก็มีแผนลงทุนในไทย ช่วงเดินทางประชุมเอเปคก็จะมีการพูดคุยและสานต่อเรื่องนี้