วันนี้(21 ก.ย.)นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เครือข่ายภาคเหนือ พรรคก้าวไกล เสนอญัตติต่อสภา ขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ตรวจสอบ และกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
โดยนายนิติพล กล่าวว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญได้ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในหลายภูมิภาค รวมถึงประเทศไทยเองก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นมาตรการใดที่ชัดเจนออกมาจากรัฐบาลเพื่อรับมือ โดยเฉพาะการรับมือภัยแล้งอันเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่จะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม ไฟป่าในประเทศแถบอาเซียน มลพิษข้ามพรมแดน สุขภาพและคุณภาพในการดำรงชีวิต และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญแต่ยังไม่มีใครพูดถึงมากนักก็คือผลกระทบต่อสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า
"ภาคใต้ อาจเจอฝุ่นควันไฟป่าจากอินโดนีเซีย ภาคเหนือ เจอฝุ่นควันจากไร่ข้าวโพดข้ามแดนแน่ ๆ ยิ่งมีรัฐมนตรีที่เคยเป็นกรรมการของบริษัทอาหารขนาดใหญ่ เรื่องนี้จึงยิ่งน่ากังวลเป็นมาก เมื่อรัฐบาลนิ่งเฉยไม่มีความชัดเจน สภาผู้แทนราษฎรก็ต้องเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนผลกระทบของช้างป่าต่อความปลอดภัยในชีวิตและภาคการเกษตรของพี่น้องไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ ผมอภิปรายตั้งแต่สภาสมัยที่ 25 จนถึงวันนี้ผลมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สิ่งที่ไม่เห็นเลยจนถึงเวลาที่ผมพูดอยู่นี้ คือ มาตรการจัดการน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติให้ช้างป่าและสัตว์ป่าอื่น ๆ ในพื้นที่ป่าทั่วประเทศไทย เรื่องนี้สำคัญมากและคนทั่วไปทำไม่ได้ ต้องเป็นรัฐทำเท่านั้น ลองนึกภาพตาม เมื่อช้างป่าเดินหาน้ำกินในป่าไม่ได้ เค้าก็เดินออกมานอกป่ามากขึ้น ๆ ยิ่งออกมาแล้วไม่เจอน้ำกินอีก ปัญหาก็เกิดขึ้นเต็มไปหมด"
นายนิติพล กล่าวทิ้งท้ายว่า การขุดสระน้ำขนาดย่อมกระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ มีความสำคัญ แต่ต้องกระจายให้เหมาะสม จะมีปริมาณเท่าไหร่ข้อมูลยังไม่แน่ชัด ทั้งนี้ ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีแผนงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการที่จะรองรับผลกระทบโดยเฉพาะภัยแล้งต่อเนื่องประมาณ 2 ปีนับจากนี้ จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่ครอบคลุมผลกระทบในทุกมิติ