เจเนซิส มีเดียคอม ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา ดัน แพลตฟอร์ม ‘dbook’ ติดอาวุธครู-ยกระดับการสอน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และเป็นคลังทรัพยากรการสอนขนาดใหญ่ สร้างผู้เรียนให้ก้าวไกลทันโลก ตอบรับทฤษฎีการศึกษายุคใหม่ ขานรับนโยบายดิจิทัลเพื่อการศึกษาของรัฐบาล
นายวิทยา มิตรศรัทธา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนซิส มีเดียคอม จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์ของบริษัทฯ และผู้บริหารนวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอด 27 ปี เราเชื่อว่าประเทศไทยมีขีดความสามารถในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาของชาติไปสู่มาตรฐานสากลและลดความเหลื่อมล้ำได้ โดยมีปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ 1. ความเข้าใจของผู้กำหนดนโยบาย คือ กระทรวงศึกษาธิการและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น 2. มีทรัพยากรและผู้เชี่ยวชาญที่จะสร้างระบบนิเวศเพื่อการเรียนรู้ได้ 3. มีผู้ใช้หรือผู้ปฏิบัติที่มีความพร้อม เช่น โรงเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา ดังนั้นเป้าหมายการเพิ่มคุณภาพและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่วางไว้นั้น สามารถเกิดขึ้นได้จริง
บริษัทฯ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนา ออกแบบโซลูชันที่ครอบคลุมทั้งแพลตฟอร์ม สื่อการสอน หนังสือเรียน การประเมินผล เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำและข้อจำกัดในการเข้าถึงองค์ความรู้ใหม่ของผู้เรียน แพลตฟอร์ม 'dbook' สร้างมิติใหม่ของการศึกษาไทยด้วย 4 อรรถประโยชน์ คือ เป็นแหล่งทรัพยากรการสอนและสื่อประกอบการสอนสำหรับผู้สอนในห้องเรียน สนับสนุนผู้เรียนให้เรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ประจำโรงเรียน และเป็นคลังเนื้อหาและสื่อขนาดใหญ่ระดับ World-Class นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม ‘dbook’ มีเนื้อหาครอบคลุม 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ มีสื่อโมเดลจำลอง 3 มิติ (3D/VR) ช่วยให้เห็นภาพชัดเจน อธิบายเนื้อหาที่มีความยาก ซับซ้อน ให้เข้าใจง่ายขึ้นและยังรองรับการใช้งานแบบ Virtual Reality (VR) เทคโนโลยีจำลองการเรียนรู้ในโลกเหมือนจริง ทำให้การเรียนการสอนเป็นเรื่องที่น่าสนุก ตื่นเต้น กระตุ้นให้เกิดความอยากเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้น เกิดประสิทธิผลในการเรียนรู้อย่างยั่งยืน
ผู้สอนสามารถการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning และสร้าง Flipped Classroom ที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติในหลากหลายรูปแบบ และยังสามารถต่อยอดด้วยการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ PBL (Problem-Based Learning) โดยมีเกมการศึกษาและเครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนได้ลองฝึกฝนและลงมือทำ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นของแพลตฟอร์ม ‘dbook’ คือ มีคลังหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (e-TextBooks) ตามหลักสูตรการศึกษาและคลังหนังสือเสริมหลักสูตร (e-books) มากกว่า 500 เล่ม และผู้สอนยังสามารถสร้างตำราเรียนอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง ให้เชื่อมโยงเข้ากับสื่อมัลติมีเดียเป็น Interactive Books ได้ ซึ่งเป็น New Generation of Textbooks แพลตฟอร์ม ‘dbook’ ยังช่วยเชื่อมโยงโลกของทฤษฎี หลักสูตรให้เข้ากับชีวิตจริง (Real-Life Application) ได้ ทำให้ตอบสนองกับเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนในศตรวรรษที่ 21 และการเป็นพลเมืองโลก (Global Citizenship)
นายวิทยา กล่าวเสริมว่า แพลตฟอร์ม dbook จะช่วยพัฒนาและสร้างความสำเร็จให้กับผู้เรียนรายบุคคล (Personalized Learning) ด้วยการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ประจำตัวผู้เรียน (Student’s Tablet) หรือโทรศัพท์มือถือ (Smartphone) ด้วยงบประมาณที่คุ้มค่า นับว่าเป็นการลงทุนและใช้ทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการศึกษาอื่นๆ นอกจากนี้แพลตฟอร์ม ‘dbook’ ยังช่วยพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของผู้สอนให้มีสมรรถนะทางภาษาและทักษะด้านดิจิทัล ครูสามารถพัฒนาการสอนด้วยการใช้เครื่องมือจัดการสอนได้เต็มรูปแบบ เพิ่มผลสัมฤทธิ์ในการสอน ผู้สอนสร้างสื่อดิจิทัลประกอบการสอนเองได้ สามารถขยายเนื้อหาในการสอนได้มากขึ้น ลดภาระในการเตรียมการสอน และสามารถติดตามผู้เรียนได้ใกล้ชิดมากกว่าเดิม
สำหรับโรงเรียน dbook จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับโรงเรียนสู่การเป็น World-Class Quality School สนับสนุนนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของการศึกษาโลก ช่วยพัฒนาบุคลากรการสอนของโรงเรียน ติดอาวุธให้ครูมีเครื่องมือ มีคลังทรัพยากรการสอน เพื่อสร้างผู้เรียนให้มีความสามารถในการแข่งขัน มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และมุ่งสร้างความสำเร็จให้ผู้เรียนนำไปใช้พัฒนาและต่อยอดอนาคตได้จริง dbook จึงเป็นมากกว่าแค่แพลตฟอร์มหรือโซลูชันช่วยสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน แต่ยังเป็นเครื่องมือที่จะช่วยวางรากฐานพัฒนาครูเพื่อส่งต่อความสำเร็จเข้าสู่ห้องเรียน เพื่อต่อยอดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน และตอบสนองรูปแบบการจัดการเรียนสอนของโรงเรียนให้ก้าวสู่ Digital Education ได้อย่างยั่งยืน