กกต.ถอดบทเรียนเลือกตั้ง อ.จุฬาเผยปชช. 55.6 % พอใจการประกาศผล ส่วนผู้สมัคร 54.8% ไม่พึงพอใจเลือกตั้งไม่สุจริตโปร่งใส พบเสนอกกต.ลาออกยกชุด ตัดสิทธิ์ทำงานต่อ แนะประกาศผลทางการไวกว่าเดิม "ปริญญา" ชงใช้ไปรษณีย์เป็นหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า แก้ รธน.จัดการปัญหา
วันนี้ (19ก.ย.) สำนักงาน กกต. จัดสัมมนาประเมินผลและถอดบทเรียนการจัดการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. หวังการถอดบทเรียนจะทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปสุจริตเที่ยงธรรมมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของประชาชน
ด้านนางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี อ.รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดผลการศึกษา ประเมินการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ยืนยันข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลตรงไปตรงมาจากการสำรวจความเห็น ส่วนข้อเสนอแนะจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ เรื่องการรับรู้ข่าวจำนวน 2,643คน ในพื้นที่ 24 จังหวัด โดยในความคิดเห็นของประชาชน 5,354 คนใน30 จังหวัด
พบว่าประชาชนร้อยละ 55.6 พอใจการประกาศผลการเลือกตั้ง ส่วนร้อยละ21.3 ไม่พอใจ
ขณะที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งร้อยละ 25.8 พึงพอใจและเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์โปร่งใส เป็นธรรมและเป็นมืออาชีพ ขณะที่ร้อยละ 54.8ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้มีประชาชนร้อยละ 19.4 ไม่ต้องการตอบ
ส่วนในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาการเลือกตั้งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไปใช้สิทธิ์ช่วงเวลา 08:00 - 15:00 น. มากที่สุด รองลงมาเป็นช่วงเวลา 15:01 - 17:00 น. ซึ่งปัจจุบันการรับข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้งจะมาจากทีวี และในจำนวนที่ใกล้เคียงกันคือรับทราบข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย Facebook
นอกจากนี้พบว่าการสื่อสารของ กกต. ยังไม่ถึงประชาชน ทั้งเอกสารถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ข้อมูลหน่วยเลือกตั้งและการลงคะแนน สิ่งที่เป็นประเด็นมากที่สุดคือความเห็นต่อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง แต่ประชาชนให้คะแนนยังก้ำกึ่งเนื่องจากเกิดปัญหาในการจัดการเลือกตั้ง ส่วนการนับคะแนนยังมีผลประเมินในระดับปานกลาง
ส่วนข้อเสนอให้มีการปรับปรุงจัดการเลือกตั้งมีจำนวนมากถึง 4,000 คำตอบ เป็นเรื่องการปรับปรุงการทำงานของกปน.ให้มีมาตรฐาน การประกาศรับรองให้เร็วขึ้น และการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการขาดแคลนทรัพยากรในการเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องการให้ กกต. ปรับปรุง คือการลงคะแนนเลือกตั้งโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริม กกต. ต้องไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของสำนักงานหรืออำนาจ คสช. ที่อาจไม่มีความเป็นธรรมทางการเมือง การทำบัตรเลือกตั้งให้มีข้อมูลผู้สมัครและพรรคการเมืองเพื่ออำนวยความสะดวกผู้สูงอายุ ประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการเร็วกว่าเดิม ความโปร่งใสและความรวดเร็วในการตรวจรับรอง สส. ที่ตามกฏหมายปัจจุบันใช้ระยะเวลากว่า 60 วัน ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความไม่ชอบมาพากล และยังมีข้อเสนอแนะให้ กกต. ลาออกไปทั้งชุดและตัดสิทธิ์เข้าทำงานต่อในอนาคต และยังมีข้อเสนอแนะให้ตรวจสอบความสุจริตจากการนับคะแนนเลือกตั้งให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะเปิดให้ประชาชนสามารถขอติดตามผลคะแนนเลือกตั้งได้
ประเด็นข้อเสนอให้มีเวลาเตรียมการจัดการเลือกตั้งนานขึ้น และเสนอให้มีการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า1 วัน ทำเป็นศูนย์เลือกตั้งล่วงหน้าตามที่ต่างๆ เช่น ออสเตรเลียให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า 1 วัน เปิดเลือกตั้งล่วงหน้าระหว่างวันที่ 9 - 20 พ.ค.
และยังพบปัญหาการสื่อสารประชาสัมพันธ์ กกต., การจัดการงบประมาณที่เหมาะสม ซึ่งมีการใช้งบประมาณ 4,657 ล้านบาท รวมถึงการปรับปรุงวิธีขั้นตอนอุปกรณ์ในการทำงาน โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่นการนับคะแนน การรายงานในแบบฟอร์ม สส. 5/5 และยังเสนอปรับแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค เช่นการแบ่งเขตต้องให้มีสัดส่วนประชากรต่างกันไม่เกินร้อยละ 10 บัตรเลือกตั้งพรรคเดียวกันควรเป็นหมายเลขเดียวกันทั้ง สส. เขต และ บัญชีรายชื่อ สุดท้ายการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธากลับคืนมา
ด้านน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิช สส. เพื่อไทย ได้สะท้อนปัญหาเรื่องบัตรเลือกตั้งพรรคเดียวเบอร์ต่างกัน เนื่องจากทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและไม่ได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนในการเลือกตั้งอย่างแท้จริง
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อ.นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์กล่าวว่า บัตรเสียทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านใบ ปัญหาเกิดจากบัตรเลือกตั้งทำให้ประชาชนสับสนในการลงคะแนน แม้ว่ากกต. ไม่ได้ทำผิดระเบียบ แต่ก็ควรออกแบบให้สะดวกกับประชาชนจะดีกว่า เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่บัตรเลือกตั้งเหมือนกันแต่หมายเลขพรรคและผู้สมัครเป็นเบอร์เดียวกัน พร้อมตั้งข้อสังเกตพรรคการเมืองที่ได้หมายเลขตัวเดียว ได้คะแนนบัญชีรายชื่อมากกว่าแบบแบ่งเขต เช่น พรรคใหม่ ที่ได้เบอร์ 1 ได้ ได้คะแนนแบ่งเขต 1,365 คะแนน แต่คะแนนบัญชีรายชื่อได้ 249,731 คะแนน ประชาชนโดยสันนิษฐานว่าเกิดจากประชาชนกาเลขผิด ทำให้บัตรเสียกลายเป็นคะแนนดีของพรรคอื่น
ส่วนการแก้ปัญหาเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งกรณีหย่อนบัตรผิดเขต กรอกรายละเอียดไม่ชัดเจน ผิดพลาด อ่านไม่ออก ซึ่งนอกจากบัตรจะโหลแล้ว ซองยังโหลอีก ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาคือ ให้ไปรษณีย์ทุกที่กลายเป็นหน่วยเลือกตั้ง เพราะไปรษณีย์มีทั้งสถานที่ และบุคลากร ซึ่งพร้อมจัดส่งบัตรเลือกตั้งได้เลย