วันนี้(19 ก.ย.)นายพลพีร์ สุวรรณฉวี สส.นครราชสีมาพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวเรื่อง "ผู้ปิดทองหลังพระ "ว่า ชัยชนะในการต่อสู้คดีโฮปเวล มหากาพย์ 3 ทศวรรษ กับค่าโง่เกือบ 3 หมื่นล้านบาท ถึงคราวได้บทสรุปสำคัญ ที่เรียกเสียงเฮจากคนไทยทั่วประเทศ
เมื่อศาลปกครองกลางพิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
เรื่องนี้ เอาเข้าจริง ทางการไทย เกือบจะยกธงขาวไปตั้งแต่ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งวันที่ 22 เมษายน 2562 ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท.ดำเนินการตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ต้องจ่ายชดเชยให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ซึ่งการต่อสู้ล่วงเลยมาจนทางฝ่ายเอกชน เรียกร้อยค่าเสียหายเพิ่มสูงถึง 2.7 หมื่นล้านบาท
ซึ่งมีข่าวว่าให้ฝ่ายรัฐเอง ไม่อยากจะไปต่อแล้ว เพราะจะเป็นการฝืนจนเกินไป และจะเป็นช่องให้ถูกเรียกค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไปอีก
แต่เป็นกระทรวงคมนาคม ในยุคที่มีรัฐมนตรีว่าการ ชื่อ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ นี่เอง ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร ที่ขอสู้ต่อ
มันจะเป็นอะไรไป ถ้าจะขอลุยอีกสักตั้ง
นี่คือความคิดของรัฐมนตรีศักดิ์สยามเมื่อครั้งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ จากนั้น มีการระดมทีมกฎหมายของกระทรวงคมนาคม เพื่อหาช่องทางสู้คดี กระทั่งเห็นโอกาสที่จะพลิกเกม
คือเรื่องของเงื่อนเวลา ที่ต่อมาจะเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้ภาครัฐพลิกชนะคดี
“มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า หากนับอายุความเมื่อศาลปกครองเปิดทำการ ที่กำหนดว่าคดีข้อพิพาทก่อนจัดตั้งศาลปกครองนั้น จะต้องยื่นมายังตุลาการภายใน 1 ปี หลังจัดตั้งศาล และมีอายุความไม่เกิน 10 ปี แต่กลับพบว่าคดีโฮปเวลล์นี้ได้มายื่นคำร้องต่อศาลล่าช้ากว่ากำหนด”
นี่เองคืออาวุธสำคัญ และเป็นคำพิพากษาของตุลาการ ที่ทำให้ศาลปกครองกลางยกเลิกคำสั่งของอนุญาโตตุลาการ ในการให้ฝ่ายรัฐ ต้องชดใช้บริษัทเอกชน ในที่สุด
ความสำเร็จนี้ เกิดไม่ได้ หากขาดคณะทำงาน และทีมงานทุกคน
แต่มีอีกหนึ่งคนที่เป็นหนึ่งในผู้จุดไฟแห่งการต่อสู้นี้ขึ้นมาใหม่ เป็นรัฐมนตรีคมนาคม ที่เข้ามารับเผือกร้อน เรื่องค่าโง่โฮปเวล ที่เขาตัดสินใจไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมให้คำว่ายถากรรมทำงานของมัน และเดินหน้าลุยต่อ เป็นหนึ่งในคนที่จุดความหวังสู่ชัยชนะในบั้นปลาย
ชายคนหนึ่งที่ กล้าคิดเรื่องพลิกเกม ทั้งที่พ่ายแพ้ไปกว่าครึ่งตัว ชายที่ชื่อว่า “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”