วันนี้ (18 ก.ย.) นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการข่าว 3 มิติ เปิดความจริงที่ไม่เคยพูดกว่า 15 ปี ย้ำว่า การได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เป็นการปลอบใจหลังพลาดโอกาสนั่งรัฐมนตรีในรัฐบาลเศรษฐา 1 พร้อมยืนยันว่า การตรวจสอบคุณสมบัตินั้น ตนเองไม่ได้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี แต่เหตุที่ถอนตัว เนื่องจากให้รัฐบาลได้เดินหน้าทำงานให้เร็วที่สุด ส่วนตัวต้องการใช้ความสามารถในการทำงานในการช่วยเหลือรัฐบาลและประเทศชาติ
“การมากล่าวหาผม ถือว่ามากล่าวหาทางการเมือง ผมเลยไม่โกรธ เมื่อเราจะเข้าสู่การเมืองเราต้องพร้อมรับ ตนขอโอกาสทำงานและขอเอาผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ แล้วกระบวนการคนไกลตรวจสอบเมื่อตนเองทำงานแล้ว หากประพฤติผิดต่อตำแหน่งหน้าที่อย่างไร อยากให้พิสูจน์ตรงนั้นมากกว่า”
นายพิชิต ยังขอความเป็นธรรมหลังจากนี้ที่จะเข้ามาทำงานการเมือง พร้อมเปิดเผยความจริงในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่มีคดีการละเมิดอำนาจศาล เมื่อปี 2551 ขอยืนยันว่าไม่ใช่ “ทนายถุงขนม” เนื่องจากไม่มีเหตุจูงใจในการนำเงินไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาล ซึ่งในคำสั่งศาลฎีกา ก็ระบุว่า เป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง หรือทีมทนายความของตนเอง จึงไม่มีเหตุให้กระทำการตามที่กล่าวหา
“เรื่องเงินจำนวน 2 ล้านบาท ที่ไปปรากฏอยู่ที่ศาล ผมยืนยันต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระสยามเทวาธิราช ผมเองไม่รู้เรื่องนี้ ซึ่งหากรู้เรื่องนี้จะค้านหัวชนฝา รวมทั้งแรงจูงใจว่าจะทำไปเพื่ออะไร ซึ่งในวันนั้นตนเองคุยแนวทางการต่อสู้กับลูกความ และไม่ได้ออกไปอยู่ข้างนอก ซึ่งเรื่องนี้ผมมาทราบเรื่องในภายหลัง คำสั่งที่ออกมาทั้งพนักงานสอบสวนก็มีคำสั่งไม่ฟ้อง อัยการได้ตรวจสำนวน ก็มีคำสั่งเด็ดขาดว่าไม่มีความผิดฐานให้สินบน” นายพิชิต กล่าว
นอกจากนี้ นายพิชิต ยังระบุว่า ไม่ได้ใช้สิทธิในการอุทธรณ์ เนื่องจากเหตุเกิดขึ้นที่ศาลฎีกา จึงไม่ได้มีโอกาสได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งเหตุทั้งหมดเกิดในศาลฎีกา ถือเป็นข้อยุติแล้ว จึงขอความเป็นธรรมให้ตนเองและขอความเป็นธรรมที่หลังจากนี้จะเดินหน้าในการนำความรู้ความสามารถในทางกฎหมายมาใช้ประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ส่วนในอนาคตหากจะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ใหญ่