ส.ส.ก้าวไกล ชวนประชาชนร่วมติดตามร่างกฎหมายคำนำหน้าตามสมัครใจ หลังเข้าสู่การรับฟังความคิดเห็น “ครูธัญ” ย้ำ เพื่อไม่เป็นการถูกเลือกปฏิบัติ-เป็นตัวตลกในสังคม ยันรัดกุม หากขอเปลี่ยนครั้งที่สอง ต้องขอศาลฯวินิจฉัย
วันนี้ (13 ก.ย.) นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และ คุ้มครองผู้มีความหลากหลายทางเพศ ว่า ร่าง พ.ร.บ.การรับรองเพศ คำนำหน้านาม และคุ้มครองผู้มีความหลากหลายทางเพศ ได้เข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 แล้ว จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าไปดูรายละเอียดและให้ความคิดเห็นได้ที่เว็ปไซต์รัฐสภา
“ปัญหาของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่น บุคคลข้ามเพศ บุคคลผู้มีความหลากหลายอัตลักษณ์ทางเพศ หรือ บุคคลเพศกำกวม ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามเจตจำนงอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง ตลอดจนกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ที่ปัจจุบันยังเป็นระบบสองเพศ จึงทำให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ถูกกีดกัน ถูกบังคับ ถูกเลือกปฏิบัติ ด้วยสาเหตุจากความไม่เข้าใจ ความเกลียดกลัวที่บ่มเพราะจากการศึกษา วัฒนธรรม สังคม
นายธัญวัจน์ ย้ำว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว คือ การรับรองเพศ เพื่อให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศได้เลือกคำนำหน้าตามสมัครใจ และมีบทบาท หน้าที่ สิทธิ ตามเพศที่ตนแสดงเจตจำนง นี่คือสิทธิมนุษยชนที่กำหนดเพศตนเอง เพื่อดำเนินชีวิตตามเพศสภาพ และการแสดงออก
นายธัญวัจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีแนวคิดจากประเทศอาร์เจนตินา และ มอลตา ซึ่งเป็นกฎหมายการรับรองเพศที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก และเป็นแนวคิดที่นักวิชาการ นักกฎหมาย และ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผลักดัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อีกทั้งในขณะร่างกฎหมายดังกล่าวยังได้รับฟังความคิดเห็น จากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และ อีกหลายหน่วยงานให้เป็นไปตามหลักการสากล ยอร์คยาการ์ตา ที่กฎหมายนั้นต้องปรับปรุงและต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์ทางเพศ เพศสภาพ เพศวิถี และ เพศกำเนิด เพื่อสิทธิ เสรีภาพในการดำเนินชีวิต นี่คือร่างกฎหมายของประชาชน 14 ล้านเสียง ของพรรคก้าวไกล คือ นโยบายโอบรับความหลากหลาย คนต้องเท่ากัน
“นี่คือ การกลับมุมคิดเรื่องเพศจากเดิม โดยปกติเมื่อเราเกิดขึ้นมารัฐจะบอกว่าเราเป็นชาย หรือเป็นหญิง แต่การแสดงเจตจำนงเพศนั้นคือการให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถใช้สิทธิแจ้งกับรัฐได้ว่าต้องการดำเนินชีวิตในเพศใด เพราะเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศคือเรื่องภายใน คือการรับรู้ว่าตนคือเพศอะไร และต้องการดำรงชีวิตในแบบใด จึงให้สิทธิในการเลือกใช้คำนำหน้าตามสมัครใจ เพื่อให้เอกสารราชการเป็นไปตามเพศสภาพ และการแสดงออก เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในการดำเนินชีวิต การยืนยันตัวตนเอกสารการเงินกับธนาคาร การยืนยันตัวตนในการเดินทางต่างประเทศอย่างปลอดภัย การยืนยันตัวตนในการใช้สิทธิต่างๆ และการแพทย์ และเพื่อไม่เป็นการถูกเลือกปฏิบัติและเป็นตัวตลกในสังคม” นายธัญวัจน์ กล่าว
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนการใช้คำนำหน้า จะมีเงื่อนไขอย่างไร นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ประชาชนทุกคน เราให้สิทธิ 100% ในการขอเปลี่ยนคำนำหน้าครั้งแรก แต่หากมีการขอเปลี่ยนครั้งที่สอง จะต้องขอศาลเด็กและเยาวชนวินิจฉัย เนื่องจากป้องกันไม่ให้มีการใช้คำนำหน้าไปในทางทุจริต เช่น การเปลี่ยนเพศไปเข้ากองทุนสตรีแล้วเปลี่ยนกลับ การหนีทหาร ผู้ชายเปลี่ยนไปเป็นนางสาวชั่วคราว หรือแม้กระทั่งผู้ต้องหาที่มีคดีความเกี่ยวกับเพศเปลี่ยนคำนำหน้า เพื่อจะได้จำคุกที่เรือนจำหญิง แบบนี้เราก็จะมีมาตรการรองรับ
ส่วนจะให้ความมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการเปลี่ยนเพื่อกระทำการทุจริต นายธัญวัจน์ กล่าวว่า เรามั่นใจว่าคนใช้กฎหมายสุจริต แต่หากมีการกระทำผิด เราก็สามารถให้เปลี่ยนกลับและตรวจสอบได้