วันนี้(11 ก.ย.)นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 ว่า ตนขอขอบคุณเพื่อน ๆ และพรรคพลังประชารัฐที่ให้สิทธิ์เป็นตัวแทนอภิปรายนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจากที่ตนได้อ่านนโยบายอย่างละเอียด รอบคอบ ถือว่าเป็นนโยบายที่ครอบคลุม และมีแนวทางการทำงานที่ดี มีโอกาสที่จะพัฒนาประเทศของเราให้ยั่งยืนในอนาคต
นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า มีอยู่เรื่องเดียวที่ตนยังรู้สึกไม่สบายใจ คือ นโยบายของรัฐ ด้านความมั่นคง เพราะไม่ปรากฎว่ามีการกล่าวถึง ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นมานานกว่า 9 ปี ตามความเข้าใจมองได้ว่ารัฐบาลไม่ได้กำหนดปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นวาระสำคัญแห่งชาติ ที่จะต้องได้รับการแก้ไขโดยรัฐบาลอย่างเร่งด่วน ตนจึงรู้สึกกังวลในปัญหาดังกล่าว
"กระบวนการเจรจาพูดคุยเพื่อสันติสุขของรัฐบาลที่ผ่านมา นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พยายามทำมาโดยตลอด ระยะเวลาหลายปี มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ตอนนี้อาจจะจืดจางหายไป และไม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่า รัฐบาลจะยึดถือหลักรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เป็นกรอบใหญ่ในการปฏิบัติราชการ โดยเฉพาะในหมวด 5 ที่ว่าด้วยหน้าที่ของรัฐ หมวด 6 ว่าด้วยแนวนโยบายแห่งรัฐ แต่หากมีส่วนที่จะขอเสริมเพิ่มเติมในส่วนของคุณภาพชีวิตความมั่นคงของพี่น้องประชาชน ในจังหวัดชายแดนใต้ ก็คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรายวัน รายเดือน หรือทุกๆปี สิ่งเหล่านี้สร้างความไม่สบายใจ อย่างยิ่งกับการสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความเดือดร้อนใจของพี่น้องจังหวัดชายแดนใต้เสมอมาผมจึงอยากให้รัฐบาลมีความจริงใจ ตระหนักรู้ถึงข้อเท็จจริง ความไม่เสมอภาค และความไม่เท่าเทียมในพื้นที่"นายอามินทร์ กล่าว
นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าคนในสามจังหวัดชายแดนใต้ คาดหวังกับรัฐบาลชุดนี้มาก เพราะในช่วงการรณรงค์หาเสียง ทุก ๆ พรรคการเมืองที่วันนี้ได้เข้าร่วมรัฐบาล ได้หยิบยกปัญหาความรุนแรง และความไม่เป็นธรรมในสามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง พรรคร่วมรัฐบาลมี สส.ถึง 12 คนจาก 13 เขตที่ได้ร่วมรัฐบาล เราหวังว่า ปัญหาความรุนแรง จะจบลงได้ในรัฐบาลของนายกเศรษฐา ทวีสิน
ทั้งนี้ แนวทางที่ตนอยากจะเสริมให้กับทางรัฐบาล ในการดำเนินการสร้างความสุขให้สามจังหวัดชายแดนใต้ ประการแรกคือ การลดความเหลื่อมล้ำในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ สร้างสถานะทางเศรษฐกิจ ให้มีความเป็นอยู่ที่เท่าเทียม และรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐอย่างถูกต้องและชัดเจน มีความมั่นคงของประเทศ อย่างเช่น ความเท่าเทียมคือ มีกลุ่มของเยาวชน กลุ่มหนึ่งพยายามรณรงค์ เพื่อรักษาอัตลักษณ์ของชาวมาลายู ปัตตานี เช่น การแต่งกายด้วยชุด มาลายู เช่นสง่างาม ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เป็นซอฟเพาเวอร์ ที่สามารถสร้างรายได้ ให้กับพี่น้องในพื้นที่เป็นอย่างมาก แต่ถูกพยายามดำเนินคดีจากภาครัฐ ทั้งที่ภาครัฐควรให้การสนับสนุนเรื่องนี้
นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า เรื่องของความเท่าเทียมในทุกๆ เทศกาล ของศาสนาต่างๆ เช่น ในช่วงวันคริสต์มาส เราจะเห็นพิธีกรและนักข่าวตามช่องสื่อต่างๆ ใส่ชุดซานตาคลอสอ่านข่าว เปิดเพลงเฉลิมฉลอง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน เรามีพิธีกรใส่ชุดกี่เพ้า ในวันสงกรานต์ เราก็เห็นนักข่าว พิธีกรต่างๆใส่ชุด ลายดอกประแป้ง แสดงออกถึงอัตลักษณ์วัฒนธรรม แต่เคยมีพิธีกรหรือว่านักข่าวช่องไหน เคยออกมาใส่ชุดมลายู ที่มีความสง่างามออกทางทีวี สร้างความประทับใจให้กับพี่น้องชายแดนใต้ และพี่น้องชาวมุสลิมทั่วประเทศบ้างหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่มีคุณค่าทางจิตใจของพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศเป็นอย่างมาก
นายอามินทร์ ยังกล่าวถึงกรณีเยาวชนหลงผิดในการใช้ชีวิตจนมีคดีทางกฎหมาย แม้จะผ่านกระบวนการยุติธรรมทางกฏหมาย จนเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่มีการระบุถึงการกระทำความผิด จึงทำให้บุคคลเหล่านี้ใช้ชีวิต ด้วยความยากลำบาก สร้างความสั่นคลอนให้กับสถาบันเล็กที่สุด จุดตั้งต้นของความมั่นคงของแผ่นดิน และรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำเรื่องของข้อกฎหมาย จึงอยากให้รัฐบาลช่วยพิจารณา เรื่องของการล้างผิด ลบประวัติคดีความมั่นคง กลุ่มเยาวชนเหล่านี้ ให้ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในสังคม ยอมรับและเป็นเสาหลักของครอบครัวต่อไปในอนาคตด้วย
"สิ่งเล็กๆเหล่านี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงอย่างแท้จริงที่อยู่กันอย่างผาสุข สงบสุขในพื้นที่ชายแดนใต้ และผมเองก็เชื่ออย่างสนิทใจว่า การบริหารงานภายใต้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกทุกท่าน จะนำความสุขความรุ่งเรือง ความผาสุกกลับมาสู่จังหวัดชายแดนใต้"นายอามินทร์ กล่าว