“เศรษฐา” นำคณะรัฐมนตรี สำรวจตลาดเกษตรอุดรฯ (ร่มเขียว) หนองประจักษ์ ก่อนขึ้นรถไฟอุดรฯ ไป หนองคาย รับฟังความคืบหน้าการต่อยอดการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน
วันนี้ (9 ก.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี จุดแรกวันนี้เป็น ตลาดเกษตรกรอุดรธานี (ร่มเขียว) ที่พระตำหนักหนองประจักษ์ ได้เดินทักทายพบปะประชาชน ขอถ่ายรูป แวะชิมข้าวจี่ของดีพื้นบ้านชาวอีสาน ช่วงหนึ่งประชาชนได้นำไข่ไก่ และไข่เป็ดไล่ทุ่งมามอบให้กับนายกรัฐมนตรี แต่คนมอบ ยืนบังนายภูมิธรรม นายกรัฐมนตรีใช้มือดันออกพร้อมแซวว่า “อย่ายืนบังท่านรองนายกฯ ผม รู้ไหมว่าคนนี้เป็นคนกำหนดราคาไข่ของคุณ” ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหัวเราะ
นอกจากนายกฯจะเดินตลาดแล้ว ยังให้คำแนะนำกับพ่อค้าแม่ค้า ในการพัฒนาแพกเกจจิ้งเพื่อส่งออก รวมถึงอยากให้ลูกค้าใส่รายละเอียดเพื่อจูงใจ ให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า เพราะสินค้าบางอย่างของไทยเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ระหว่างเดินในตลาดจังหวะหนึ่ง มีคุณลุงได้เดินมาท้านายกฯ ว่า “นายกฯ ต้องทำให้ประเทศนี้เป็นรัฐสวัสดิการให้ได้ แล้วผมจะยอมรับ” ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบกลับไปทันทีว่า พูดแบบนี้คนอาจจะไม่เข้าใจ รัฐสวัสดิการ คือ รัฐดูแลประชาชน และย้ำว่ารัฐดูแลประชาชน
จากนั้น นายเศรษฐา ขึ้นรถไฟดีเซลรางนั่งปรับอากาศชั้นสองขบวนพิเศษ โบกี้ที่ 2516 เดินทางจากสถานีรถไฟอุดรธานี ไปยังสถานีรถไฟหนองคาย กับนักธุรกิจภาคเอกชน เพื่อพูดคุยประเด็นการขนส่งสินค้าสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
ซึ่งระหว่างนั่งรถไฟนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้พูดคุยกับ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน นายวรายุส์ ตรีวัฒนสุวรรณ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึงเส้นทางรถไฟรางคู่ซึ่งขณะนี้ ระยะ 1 ถึงแค่จังหวัดขอนแก่นเท่านั้น ส่วนระยะที่ 2 จะมีการเชื่อมต่อจากจังหวัดขอนแก่นมายังจังหวัดหนองคาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการขนส่ง ให้สามารถเชื่อมต่อจากไทยไปลาวและจีนได้
ขณะที่ หอการค้าไทย-จีน และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟรางคู่ให้เสร็จก่อนปี 2569 ซึ่งจังหวัดอุดรธานี จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งเรื่องการค้าและการท่องเที่ยว
จากนั้นขบวนรถไฟได้หยุดแวะพักที่สถานีนาทา จังหวัดหนองคาย ซึ่งจะเป็นจุดที่ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอรายละเอียด การพัฒนาพื้นที่นาทา ซึ่งมีแนวคิดต้องการให้เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าแบบ One stop service ที่มีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกลับการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจุดเดียวไม่ว่า ศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ อย. ซึ่งปลัดกระทรวงคมนาคมได้ชี้แจงว่า การดำเนินการที่ผ่านมาแผนจะเป็นลักษณะเดียวกันกับที่นายกต้องการ ซึ่งจะต้องมีการประสานกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับพื้นที่นาทาอาจจะต้องมีการเวนคืนที่ดินบริเวณโดยรอบ 193 ไร่ และอาจจะต้องใช้เงินลงทุน 5,400 ล้านบาท ซึ่งจะต้องใช้แนวทาง ให้เอกชนร่วมลงทุน
พร้อมกันนี้ ยังมีการรายงานต่อนายกรัฐมนตรีว่าการขนถ่ายสินค้าระหว่างไทยกับลาว ยังมีความล่าช้าเนื่องจาก เส้นทางรถไฟจุดสะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนัก ได้น้อยจึงมีแปนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการรับน้ำหนัก เพื่อทำให้การขนถ่ายสินค้าคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น
และเมื่อเวลา 10.50 น. ขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟหนองคาย มีประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับอยู่ โดยได้มอบดอกกุหลาบ ผูกผ้าขาวม้า และขอถ่ายรูปกับนายกรัฐมนตรีด้วยความคึกคัก พร้อมตะโกนด้วยว่า “นายกเศรษฐา ชาวนาจะเป็นเศรษฐี”
นอกจากนี้ ยังมีสภาเกษตรกรจังหวัดสภาเกษตรกรหนองคายได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับนายกฯเพื่อขอให้แก้ไขปัญหา สิทธิทำกินและปัญหาแหล่งน้ำ
จากนั้น นายกฯ เศรษฐา มาพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการส่งออก ที่ด่านพรมแดนหนองคาย เพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีการศุลกากรการค้าชายแดน และการพัฒนา One Stop Service ระหว่าง ไทย ลาว และจีน