นายกฯ ย้ำ พักหนี้เป็นวาระเร่งด่วน เกษตรกรมีศักดิ์ศรีกู้มาก็อยากใช้คืน รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนมีรายได้ ไม่มีแนวคิดจำนำ หรือประกันราคาสินค้าเกษตร หวังปั้นจีดีพีโตปีละ 5% เป็นอย่างน้อย
วันนี้ (8 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.อุบลราชธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ว่า มีหลายเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องน้ำที่ปีนี้น้ำน้อย อีกแค่ 1 เดือน จะหมดฤดูฝนแล้ว การใช้น้ำแบ่งออกเป็นการใช้บริโภค อุตสาหกรรม การเกษตร จึงต้องมีการบริหารจัดการระยะสั้น เช่น การทำฝาย การขุดลอกคูคลอง อย่างไรก็ตาม ขอดูระดับน้ำในครั้งสุดท้ายก่อน คาดว่าฝนจะตกลงมาอีก
“เรื่องน้ำถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่หลายรัฐบาลรวมถึงรัฐบาลของเราจะต้องให้ความสำคัญ เพราะหากไม่ท่วม ไม่แล้งถือว่าเราทำสำเร็จ” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า แนวทางการเพิ่มรายได้สุทธิให้เกษตรกรเป็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องเปิดตลาดใหม่เพิ่ม เพื่อขอโควตาจีน หรือตะวันออกกลาง ในการส่งสินค้า ส่วนลดรายจ่าย เช่น เรื่องค่าปุ๋ย การเพิ่มความรู้ให้กับเกษตรกร ซึ่งจะเป็นการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ทำให้มีรายได้สุทธิสูงขึ้น และต้องควบคู่ไปกับการพักหนี้เกษตรกร ที่ถือเป็นวาระเร่งด่วน
“เชื่อว่า พี่น้องเกษตรกรมีศักดิ์ศรี กู้เงินใครมาก็อยากใช้คืน หน้าที่ของรัฐบาลคือทำให้ประชาชนมีรายได้ที่ดี สามารถกินอยู่ได้ ลงทุนในการเพาะปลูกได้ แก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สินได้” นายเศรษฐา ระบุ
เมื่อถามว่า หากเกิดปัญหาราคาสินค้าการเกษตร จะมีมาตรการจำนำ หรือประกันราคา ออกมาช่วยเหลือเกษตรกรหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การจำนำ หรือการประกันราคา ไม่ได้อยู่ในนโยบายรัฐบาล ยกเว้นแต่มีภัยพิบัติจริงๆ จึงอาจจะมีการพิจารณาอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย. 66 ตั้งเป้าการเติบโตของจีดีพีระดับใด นายเศรษฐา กล่าวว่า อยากเห็นจีดีพีมากกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอยากเห็นการเติบโตของจีดีพีปีละ 5% เป็นอย่างน้อย
