เลกซัส รุ่น LM 350h Executive 4-Seater เป็นรุ่นที่ เลกซัส ผลิตขึ้นเพื่อขายในประเทศไทยโดยเฉพาะ ไม่มีจำหน่ายที่ประเทศอื่น เหตุที่ เลกซัส แบรนด์รถลักซัวรีแดนปลาดิบ วางกลยุทธ์ไว้เช่นนี้ ก็เพราะต้องการดัดหลังตลาด “เกรย์มาร์เก็ต” ในประเทศไทย
รถยนต์เลกซัส รุ่น LM 350h Executive 4-Seater รถคันใหม่ป้ายแดง ที่ “นายกฯป้ายแดง” เศรษฐา ทวีสิน ควักเงินส่วนตัวซื้อมาเป็นรถสำหรับปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
เป็นลักซัวรีมินิแวนรุ่นที่ 2 ที่เลกซัสแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่นผลิตออกมา โดยรุ่นแรกมีราคาที่ราว 5 ล้านบาท ขณะที่รุ่นที่ 2 นี้ตัวท็อปราคาอัปขึ้นไปเป็น 7.6 ล้านบาท และเพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 ที่ผ่านมา
ตามข้อมูลระบุว่า สำหรับรุ่นใหม่นี้มียอดจองในไทยแล้วมากกว่า 200 คัน โดยคันที่ เศรษฐา ควักเงินตัวเองซื้อมาใช้ เป็นลอตแรก 1 ใน 40 คันที่นำเข้าจากญี่ปุ่นมาส่งให้ลูกค้า
สำหรับเลกซัส รุ่น LM 350h Executive 4-Seater ซึ่ง LM ย่อมาจาก Luxury Moving แปลความได้ว่า เคลื่อนที่อย่างมีระดับ ภายใต้คอนเซปต์ Omotenashi สื่อถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ในการปรนนิบัติลูกค้าให้ผ่อนคลายดั่งการได้พักผ่อนอยู่ในบ้านของตัวเอง เป็นรุ่นที่ เลกซัส ผลิตขึ้นเพื่อขายในประเทศไทยโดยเฉพาะ ไม่มีจำหน่ายที่ประเทศอื่น
ขนาดในญี่ปุ่น คนทั่วไปก็ยังหาซื้อไม่ได้ เพราะล็อกสิทธิ์ให้บริษัทใหญ่ๆซื้อให้ผู้บริหารใช้เท่านั้น
จนเรียกว่าเป็นรุ่นเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้
เหตุที่ เลกซัส แบรนด์รถลักซัวรีแดนปลาดิบ วางกลยุทธ์ไว้เช่นนี้ ก็เพราะต้องการดัดหลังตลาด “เกรย์มาร์เก็ต” ในประเทศไทย
เพราะที่ผ่านมาเจ้าของค่ายรถญี่ปุ่นต่างได้รับผลกระทบจากแก๊งเกรย์มาร์เก็ตในไทยไปตามๆกัน ไม่เพียงแต่กระทบยอดขายเท่านั้น ยังทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหายอีกด้วย
โดยขบวนการเกรย์มาร์เก็ตจะหาช่องทางซื้อรถรุ่นดังๆ ในต่างประเทศ ทั้งมือหนึ่ง-มือสอง ทั้งแบบถูกกฎหมาย โดยสวมสิทธิคนในประเทศเป็นผู้ซื้อ ซึ่งมีราคาถูกกว่ารุ่นเดียวกันที่ขายในไทยมาก ส่งขึ้นเรือมายังประเทศไทย เพื่อทำการ “ยำรถ” ก่อนสวมทะเบียนให้ถูกกฎหมาย
หรือกระทั่งแบบผิดกฎหมาย ทั้งรถขโมย หรือรถดาวน์หนีไฟแนนซ์ส่งขาย ก็ยิ่งสร้างกำไรได้มากกว่า
เหมือนอย่าง โตโยต้า เวลไฟร์ หรือโตโยต้า อัลพาด รถมินิแวนราคาแพงที่เป็นที่ต้องการของตลาดในเมืองไทย ซึ่งรถ 2 รุ่นที่ว่าจำนวนมากก็ผ่านมือแก๊งยำรถ จนมีออกมาวิ่งดาดดื่นเกลื่อนถนนเมืองไทย จนไม่รู้ใครเศรษฐีแท้-เศรษฐีเทียม
แม้จะมีการเล่นแร่แปรธาตุ ซิกแซก จนรถส่วนใหญ่ซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมาย แต่เจ้าของแบรนด์ก็ไม่ปลื้ม เพราะทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์เสียหาย จากคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน
อันเป็นเหตุให้ เลกซัส ค่ายรถยนต์พรีเมียมในเครือโตโยต้า ต้องการปิดช่องโหว่ตรงนี้
สำหรับขาใหญ่ในวงการเกรย์มาร์เกตเมืองไทย มีชื่อของ “เก้ง โชคชัย 4” ร่วมกับ “ฟิล์ม บางแสน” ที่ใช้พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นสถานที่ “ยำรถ” ตัดหัวต่อหาง ดัดแปลงพันธุกรรม ให้ได้รถออกมาตรงตามตลาดต้องการ
เป็นแก๊งเดียวกับที่ทำให้พระเอกหนุ่ม มาริโอ เมาเล่อ งานเข้า ถูกหมายเรียกไปสอบสวน หลังมีชื่อเป็นผู้ซื้อรถคลาสสิกที่ไปพัวพันกับแก๊งสวมทะเบียน
เป็นที่รู้กันในวงการว่า ใครสนใจอยากได้รถภาคพิสดาร โดยเฉพาะรถญี่ปุ่น ต้องไปปรึกษา “เก้ง โชคชัย 4“ หรือ “ฟิล์ม บางแสน” รับรองได้รถเร็วแซงคิว
โดยแก๊งนี้ไม่ธรรมดา เพราะหลังมีข่าว “ตำรวจ สอท.” จับกุมยึกรถหรู-รถคลาสสิกสวมทะเบียนถึง 65 คัน เมื่อเดือน ส.ค.66 กระทั่งระดับรอง ผบ.ตร.ลงมาทำคดีด้วยตัวเอง แต่มาวันนี้ข่าวเงียบไปเฉยๆ ซึ่งก็คงไม่พ้นระบบวิ่งเต้นเส้นสายอุปถัมป์ตามแบบฉบับเมืองไทย
โอกาสเปิดศักราชการทำงานของ เศรษฐา นายกฯคนใหม่ ที่ลงทุนควักกระเป๋าออกรถหรูที่ต้องจับจองคิวกันเป็นเวลานานมาใช้เอง โดยเสียภาษีถูกต้องไม่ใด้สวมทะเบียน ก็หวังว่า นายกฯเศรษฐา ที่นั่งควบ รมว.คลัง จะลงมาดูเอง หรือสั่งการให้ รมว.คมนาคม ดูแลเรื่องนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ
เพราะวิธีที่จะสกัดขบวนการเกรย์มาร์เก็ต ต้องทำแบบถอนรากถอนโคน ยกเลิกการนำเข้าและการจำหน่ายรถพวกนี้อย่างเด็ดขาดเท่านั้น
รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังกับแก๊งเกรย์มาร์เก็ต ที่ส่วนใหญ่หาประโยชน์จากความไม่รู้ของผู้ซื้อ จนต้องตกพุ่มซวย ซื้อรถราคาแพงแถมด้วยคดีความตามมา
อีกทั้งทำให้เจ้าของแบรนด์ในต่างประเทศไม่พอใจ จนอาจกระทบกับความเชื่อมั่นน่าเชื่อถือของประเทศไทยด้วย
สำคัญทำให้ประเทศสูญเสียรายได้จากภาษีนำเข้ารถยนต์ที่เจอซิกแซกจนเก็บได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และยังเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุจริตคอร์รัปชันเรียกสินบาดคาดสินบน
จึงเป็นอีกเรื่องที่ นายกฯเศรษฐา ต้องสั่งการทำทันที เอาจริงเอาจัง ไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวลเหมือนที่ผ่านมา.