xs
xsm
sm
md
lg

"เศรษฐา" สยบดรามา ส่วนสูงเป็นเหตุ หัวชนเพดาน “เบนซ์”19.5 ล้านก็ได้ "ออลนิว" เลกซัส 7.5ล้านก็ดี **ประกาศิต “เศรษฐา”ห้ามพูดว่าทำไม่ได้ เรื่องรถไฟฟ้า20 บาทตลอดสาย ทำเอา“สุริยะมือเหล็ก” ว้าวุ่นเลย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** "เศรษฐา" สยบดรามา ส่วนสูงเป็นเหตุ หัวชนเพดาน “เบนซ์”19.5 ล้านก็ได้ "ออลนิว" เลกซัส 7.5ล้านก็ดี

ประเด็นดรามาวันนี้ต้องบอกว่า เพราะความสูงเป็นเหตุจริงจริง ไม่ใช่เป็นคน “หัวสูง” ในความหมายแบ่งชนชั้นวรรณะ ที่ชาวเน็ตแซวกับกรณี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ทดลองเข้าไปนั่งในรถยนต์ประจำตำแหน่งแล้ว มีเสียงนกเสียงการ้องกาๆ ว่า หัวท่านนายกฯ ชนเพดาน นั่งไม่สบาย จนต้องกลับไปใช้รถส่วนตัวเพื่อไปปฏิบัติภารกิจ

เรื่องก็มีอยู่ว่า “เสี่ยนิด” ลองขึ้นไปนั่ง เมอร์ซิเดซ เบนซ์ S 600 Guard Sedan Long สีดำกันกระสุน รถรุ่นเดียวกันกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คนที่ 29 เคยใช้ แต่คนละคัน โดยเป็นรถที่สำนักนายกฯ จัดซื้อมาด้วยวงเงิน 78 ล้านบาท หรือคันละ 19.5 ล้าน เพื่อใช้เป็นรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรับรองแขกคนสำคัญของรัฐบาล

ท่ามกลางสายตาที่รอลุ้นว่า ทั่นนายกฯ จะเข้าไปนั่งไหวหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า “เศรษฐา” มีส่วนสูงถึง 192 เซนติเมตร เรียกว่า เกินมาตรฐานชายไทยไปมาก

ทดลองเสร็จ สุดท้ายก็เห็นกันว่า นายกฯ เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลโดยกลับไปใช้รถยนต์ส่วนตัว Lexus LM 350h Executive เหมือนเดิม

เศรษฐา ทวีสิน
แน่นอนว่า ดรามาที่หยิบมาเป็นประเด็นคือ การเปรียบเทียบกันระหว่าง รถประจำตำแหน่ง เมอร์ซิเดซ เบนซ์ กับ รถส่วนตัว Lexus ที่เจ้าตัวเพิ่งควักเงินซื้อมาก่อนเข้าทำงานในทำเนียบฯ

เมอซิเดซ เบนซ์ คันละ 19.5 ล้าน กับรถใหม่ป้ายแดงของนายกฯเศรษฐา ถือเป็นรุ่น “All NEW” สนนราคา 7,590,000 บาท ถือว่า ไม่ธรรมดา

ความหรูหราหมาเห่า ว่ากันว่า ไม่เป็นสองรองใครในบรรดารถยนต์สำหรับผู้บริหาร คนมีระดับ ห้องโดยสารระดับเฟิร์สคลาส ที่นั่งเครื่องบินโดยสารชั้น First class เป็นยังไง ก็เป็นยังงั้น มาพร้อมผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว

ตามสเปกในโบชัวร์ ยั่วยวนใจให้ผู้ต้องการรถรุ่นนี้ไปใช้ Lexus ยังบอกด้วยว่า หากทั่นนายกฯ เหนื่อยล้าจากการทำงาน ก็สามารถผ่อนคลาย หรือ ทำงาน-ประชุมในรถได้เลย เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 48 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงไฮเอน ช่องเก็บของ ช่องแช่เครื่องดื่ม แถมเบาะนั่งที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล พร้อมระบบควบคุมความร้อน หรือเย็น ของเบาะนั่ง ระบบนวด ปรับเอนนอนรองรับส่วนสูงกว่า 192 เซนติเมตร ของนายกฯได้สบายๆ

มองมุมนี้ สำหรับนายกฯ ตัวสูง ออนิว 7.5 ล้าน ให้ได้มากกว่า เบนซ์ คันละ 19.5 ล้านเป็นไหนๆ

ถ้าวัดเหตุผลเอาความสะดวกสบายไฮโซไม่แพ้กัน แต่เรื่องความปลอดภัยที่กันกระสุน ก็ต้องเป็นเบนซ์

ดรามาอยู่ครึ่งค่อนวัน ฟังว่า นายกฯเศรษฐา มาตอบคำถามตั้งแต่ที่อยากทดลองนั่ง เพราะมีคนบอกว่ากระจกหนา จึงอยากทดลองนั่งแล้วมองออกไป

รถเบนซ์ ประจำตำแหน่ง

รถส่วนตัวป้ายแดง
ส่วนที่เล่าลือกันว่า หัวชนเพดานรถ และนั่งไม่สบาย ยืนยันว่า ไม่ได้ติด ตามที่เป็นข่าว พูดกันไปเอง แถมเมื่อลองนั่งแล้ว สบายมาก ไม่ต้องซื้อใหม่ ก็เหมือนรถธรรมดา ก็นั่งได้ตามปกติ เพราะตัวเองก็สูงแบบนี้มาตั้งแต่อายุ15 ปีแล้ว และหลังจากนี้ ก็คงใช้รถคันนี้ ไม่เกี่ยวว่า “ลุงตู่” จะเคยใช้มาก่อนหรือไม่ เพราะเป็นรถประจำตำแหน่ง ยังใช้งานได้ดี แต่อาจจะมีสลับใช้รถส่วนตัวบ้าง

เอ้า..ก็น่าจบดรามากันไปได้อ๊ะป่าว แต่ถ้าจะมีก็น่าจะเป็นเพียง นั่ง All new ไม่ต้องก้มหัวให้ใคร แต่วันไหนนายกฯเลือกนั่งเบนซ์ ก็ต้องก้มหัวไปตลอดทาง.. อิอิ !

**ประกาศิต “เศรษฐา”ห้ามพูดว่าทำไม่ได้ เรื่องรถไฟฟ้า20 บาทตลอดสาย ทำเอา“สุริยะมือเหล็ก” ว้าวุ่นเลย

ก่อนที่ จะนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ หนึ่งวัน (4 ก.ย.) “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้นัด 16 รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มารวมรับประทานอาหารกลางวัน และถือโอกาสพูดจา หารือในเรื่องทั่วๆไป เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปฏิบัติหน้าที่

สุริยะ จึงรุ่งเรือกิจ
วันนั้น “เศรษฐา” กำชับในเรื่องคำพูดคำจาของรัฐมนตรี เช่น ไม่ควรใช้คำว่า “รัฐบาลเพื่อไทย” เพราะยังมีพรรคร่วมอีก 11 พรรค ควรเรียกว่า “รัฐบาลของประชาชน” เพื่อเป็นการให้เกียรติกับพรรคร่วมด้วย และเวลาที่ไปพูดคุยกับประชาชน เมื่อถูกถามถึงนโยบายต่างๆ ที่ได้หาเสียงไว้ ห้ามบอกว่า “ทำไม่ได้” เพราะเราถูกเลือกเข้ามาเพื่อให้ “ทำให้ได้” ขอย้ำว่าเรื่องนี้สำคัญมาก !!

วันรุ่งขึ้น (5ก.ย.) หลังการเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เจ้าของฉายา “สุริยะมือเหล็ก” ในฐษนะรมว.คมนาคม ก็ถูกถามถึงเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะทำทันทีเลยหรือไม่ เพราะนโยบายนี้ใช้หาเสียงเลือกตั้งมา 2 ครั้งแล้ว คือในการเลือกตั้งเมื่อปี 62 และเลือกตั้งปี 66 นี้

คำตอบที่ออกจากปาก “สุริยะ” คือ... เราบอกว่า เราไม่ได้ทำทันที เราอยากจะทำ แต่เศรษฐกิจด้านอื่นๆ ที่จะต้องทำ ต้องนำเงินไปช่วยตรงนั้นก่อน คิดว่าภาย 2 ปี ก็จะผลักดันตรงนั้น เพื่อผลักดันให้เป็นรูปธรรมให้ได้ เมื่อถามว่า ไม่ได้เขียนบรรจุไว้ในนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาใช่หรือไม่ นายสุริยะ บอกว่า คงไม่ได้เขียนไว้

แน่นอนว่า เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลฯ รวมทั้งในพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะคำตอบนั้น ตีความได้ว่า สุดท้ายก็คงเหลว ไม่ทำ หรือทำไม่ได้ตามเคย...

สุรพงษ์ ปิยโชติ
ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้นที่มีการประชุมครม.นัดพิเศษ (6ก.ย.) “สุริยะ” จึงให้สัมภาษณ์ใหม่ว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายเร่งด่วน แต่เนื่องจากต้องใช้เวลาเจรจา เพราะมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง และรถไฟฟ้าก็มีหลายสี แต่ละสี มีระยะสัมปทานที่แตกต่างกัน เมื่อเรามีระบบที่จะให้ราคา 20 บาทตลอดสาย ผู้ประกอบการจะต้องมีระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายในระบบ “ตั๋วร่วม” กรณีนี้ทาง รฟม. มีอยู่แล้ว แต่ BTS ไม่มี ฉะนั้นก็ต้องเจรจากับ BTS ให้ติดตั้งระบบนี้ ต้องใช้งบประมาณพันล้านบาท

ดังนั้น ต้องเจรจาให้ BTS ช่วยติดตั้งให้ แต่ถึงมีเงิน ก็ใช่จะติดตั้งได้เลย ก็ต้องใช้เวลาอีก หากรัฐบาลทำนโยบายนี้ จะทำให้รายได้ของรถไฟฟ้า และผู้ประกอบการ มีเพิ่มขึ้น และก็ต้องเจรจาเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น จะให้อะไรคืนกับรัฐ ยืนยันนโยบายนี้มีแน่นอน และใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 2 ปี

ส่วนที่ไม่ได้เขียนเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายไว้ในนโยบาย เพราะเป็นนโยบายย่อยของนโยบายใหญ่ ที่พูดถึงระบบโลจิสติกส์ นโยบายนี้ก็มีส่วนอยู่ เพราะเรามีความตั้งใจที่จะทำ แต่คงไม่ได้ไปเขียนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท เพราะเป็นส่วนย่อยของนโยบายใหญ่ที่มีทั้งเรื่องน้ำ อากาศ บก ล้อ และราง อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ระหว่างที่ยังไม่สามารถทำได้100% จะปรับลดราคาแบบขั้นบันได ได้หรือไม่ “สุริยะ” บอกว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง เพราะตั๋วร่วม ไม่ใช่จะใช้ได้ทันที แต่เชื่อว่าถ้าเราเป็นเอกชน ถ้าเราลดราคาลง จากผลการศึกษามีตัวเลขเพิ่มขึ้น กว่า10% รายได้ก็เพิ่มขึ้นแน่นอน เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น เชื่อว่าเขาต้องตอบรับ

เป็นการออกมายืนยันว่าจะทำเรื่องนี้เ แต่ทั้งระบบมันใหญ่ มีผู้เกี่ยวข้องเยอะ จึงต้องขอเวลาในการเจรจาสัก 2 ปี

ขณะที่ “จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้ออกมาวิเคราะห์ วิจารณ์ พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องนี้ว่า... นี่คือคำตอบว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงเอากระทรวงมหาดไทย ไปแลกกับ กระทรวงคมนาคม ที่พรรคภูมิใจไทยเคยดูแลอยู่

จตุพร พรหมพันธุ์
ครั้งนี้ กระทรวงคมนาคม นอกจากมี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นรัฐมนตรีว่าการแล้ว ยังมีรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 คนคือ “มนพร เจริญศรี” และ “สุรพงษ์ ปิยโชติ” ซึ่งทั้งคู่เป็นคนของพรรคเพื่อไทย สรุปว่าเพื่อไทยคุมคมนาคม เบ็ดเสร็จ

ไม่เพียงเท่านั้น หนึ่งในสอง รมช.คมนาคม ยังมีสายสัมพันธ์ ที่เปรียบเสมือนตัวแทนทุนรถไฟฟ้ามานั่งอยู่ด้วย ดังนั้นนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายไม่มีวันเกิดขึ้นได้

พรรคเพื่อไทยเอากระทรวงคมนาคม ไปแลกกับกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่แลกเพื่อมาทำให้ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท แต่แลกเพื่อไม่ให้รถไฟฟ้า 20 บาทเกิดขึ้น !!

จริง ไม่จริง อย่างไร อยากให้ “เศรษฐา ทวีสิน” ออกมาชี้แจงด้วย หรือจะไปสาบาน ต่อพระสยามเทวาธิราช ศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว ยิ่งดีใหญ่

...นักการเมืองเพื่อไทย พูดขยี้ปลุกประชาชนในช่วงหาเสียงให้เชื่อว่า ทุกนโยบายทำได้ พร้อมตอกย้ำไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ แต่พอได้เป็นรัฐบาลกลับบอกว่า รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ไม่ได้อยู่ในนโยบายรัฐบาล แล้วประชาชนจะยึดหลักอะไรของประเทศนี้ได้...

แหมตอนหาเสียงก็โฆษณาไว้เยอะซะด้วย ...ทีนี้ก็ลำบาก ว้าวุ่นเลย!!


กำลังโหลดความคิดเห็น