เมืองไทย 360 องศา
จะว่าไปแล้วภาพของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล รวมไปถึงตัวนายกรัฐมนตรี คือนายเศรษฐา ทวีสิน ยังถูกมองจากสังคมบางส่วนด้วยความไม่ไว้วางใจนัก ทั้งในเรื่องของความโปร่งใส เนื่องจากที่ผ่านมายังมีปัญหาในเรื่องการทุจริตหลายโครงการ มีรัฐมนตรีต้องติดคุก มีทั้งเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย เป็นต้น หรือกรณีของผู้นำที่ถูกมองอย่างไม่ไว้ใจแบบตั้งคำถามว่า “มีอิสระแค่ไหน” ความหมายก็คือเป็น “หุ่นเชิด” เข้ามาแบบชั่วคราว หรือขัดตาทัพรอตัวจริงเข้ามาเมื่อพร้อมหรือไม่
อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันด้วยความเป็นธรรม มองกันแบบกลางๆ ก็ต้องยอมรับว่าหลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯรเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องยอมรับว่า นายเศรษฐา ทวีสิน สามารถเริ่มต้นได้ไม่เลวทีเดียว ทั้งในเรื่องท่าที คำพูด มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมลงไปมาก อย่างกรณีความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่เขาเดินทางไปเปิดงาน “วันต่อต้านคอร์รัปชั่น” เมื่อวันที่ 6 กันยายน
ภายใต้หัวข้อ “ดีเดย์ 6 ก.ย.66 รวมพลังคนไทยต่อต้านคอร์รัปชัน ACT ชู 5 ข้อ เรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งเป็นเวทีแรก ในการกล่าวปาฐกถาของ นายเศรษฐา หลังการเข้าถวายสัตย์ฯ โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ร่วมคณะด้วย และมีพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) น.ส.กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีต รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รอให้การต้อนรับ
สำหรับ 5 ข้อเรียกร้องของ ACT ประกอบด้วย กำหนดให้การปราบปรามคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการที่มีตัวแทนทุกภาคส่วนมีนายกฯ เป็นประธาน สนับสนุนให้ ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ เร่งรัดการออกกฎหมายต่อต้านคอร์รัปชันที่ค้างคาอยู่ ทุกหน่วยงานต้องพร้อมเปิดข้อมูล นับจาก TOR ไปจนถึงสัญญาต่างๆ ในรูปแบบที่เชื่อมโยงกับ ACT Ai และ แก้กฎระเบียบราชการต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการไม่เปิดเผยข้อมูลปัญหาคอร์รัปชัน
โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า ยินดีที่ได้มาพูดคุยกับทุกคนในวันต่อต้านคอร์รัปชัน หัวข้อการปราบปรามทุจริตเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล และเป็นหน้าที่หน่วยงานรัฐต้องสนับสนุนและปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับการรับรู้เรื่องการทุจริตเป็นอันดับ 4 ของอาเซียน ต่ำกว่า สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม จึงเป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนา เพราะประเทศเหล่านั้นเป็นคู่แข่งทางการค้าของเรา เพราะเรื่องการทุจริตทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นแก่นักลงทุนและทำให้เศรษฐกิจถดถอย กระทบจีดีพี ทั้งนี้เพื่อให้ปัญหาทุจริตหมดไป รัฐบาลมีนโยบายนำเทคโนโลยี เข้ามาเพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ ให้บริการภาครัฐรวดเร็ว มีหลักนิติธรรม ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ และเราจะเร่งปรับปรุงกฎหมายลูก เพื่ออำนวยความสะดวกการขอใบอนุญาต ลดการเรียกรับสินบนจากประชาชน ที่สำคัญ รัฐบาลยังจะให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายและลงโทษที่เฉียบขาด ควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงในหลายตำแหน่ง ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและต้องเปิดเผยต่อสาธารณชนเพื่อแสดงความโปร่งใสให้ประชาชนตรวจสอบได้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างรากฐานให้สังคมเคารพกฎหมายร่วมกันและขจัดคอร์รัปชันให้หมดไปจากประเทศ
นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า เราจะนำเทคโนโลยีมาช่วยให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ เช่น การใช้ระบบจ่ายเงินภาครัฐทางอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด เปิดขอใบอนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้ทันสมัยโปร่งใสป้องกันการทุจริต ปรับเปลี่ยนการบริหารให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเน้นความสำคัญการขับเคลื่อนภารกิจราชการ เพราะภาคราชการเป็นภาคส่วนที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เป็นผู้ปฏิบัตินโยบายของรัฐบาล และเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบาย ฉะนั้นการซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม เป็นภารกิจที่ตนจะแก้ไขเพื่อให้แน่ใจว่าข้าราชการจะได้รับความเป็นธรรม และได้รับการสนับสนุนเพื่อผลงานที่ดี ฉะนั้นการซื้อขายตำแหน่งในรัฐบาลนี้ต้องหมดไป
จากนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ยังได้ตอบคำถามว่า มีความความเป็นอิสระ ในการบริหารงานในฐานะนายกรัฐมนตรีอย่างไร ขณะที่ยังมี พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เปรียบเสมือนเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ และคนในตระกูลชินวัตร ก็ยังมีความเคลื่อนไหว จะทำให้การทำงานลำบากหรือไม่
“ผมขอเวลาในการบริหารราชการและขอเวลาอีก 3-6 เดือน สื่อมวลชนค่อยมาถามอีกครั้ง แต่ผมเชื่อว่าผมมีอิสระทางด้านความคิด ซึ่งไม่ใช่แค่ครอบครัวชินวัตร ถ้าใครมีข้อมูลดีๆ หรือคำแนะนำดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน วันนี้ผมและรัฐบาลนี้เรามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ใครที่มีข้อมูลหรือมีคำแนะนำที่ดีผมพร้อมรับฟัง” เขาระบุ
แน่นอนว่าทั้งรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ล้วนถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลายคนยังไม่ไว้ใจ ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องใหญ่สองสามเรื่องดังกล่าวแล้ว สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ต้องเจอก็คือ “ความคาดหวัง” ของประชาชน ซึ่ง ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ก็ตระหนักดีอยู่แล้ว โดยพูดยอมรับออกมาให้เห็นแล้ว
อย่างไรก็ดี การบริหารความคาดหวังดังกล่าวของประชาชนนั้นในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสิ่งที่เป็นความหวังหรือความคาดหวังหลักๆ ในเวลานี้ก็คือ เรื่อง “ปัญหาปากท้อง” ปัญหารายได้ ปัญหาหนี้สิน รวมๆ ก็คือปัญหาที่เกี่ยวพันกับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องหลักที่ต้องจัดการเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันสิ่งที่สั่นคลอนรัฐบาลมาทุกยุคสมัยกลับเป็นเรื่อง “ทุจริต” คอร์รัปชัน ที่กลายเป็นตัวเร่งให้รัฐบาลในอดีตต้องพังพาบมาแล้ว แม้ว่าจะมีเสียงสนับสนุนในสภามากเพียงใดก็ตาม แต่หากเกิดเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวรับรองว่าเกิด “วิกฤตศรัทธา” อยู่ไม่ได้แน่นอน
หากพิจารณาจากความต้องการ และความคาดหวังของประชาชนในเวลานี้ก็ต้องบอกว่า “ปัญหาปากท้อง” เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่รัฐบาล และ นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะต้องแก้ปัญหาให้ถูกใจชาวบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าหากพวกเขาทำได้ตามที่คาดหวังมันก็ย่อมไปได้ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลา 1-2 ปีนี้ แต่หากผลออกมาในทางตรงกันข้ามมันก็พอหลับตานึกภาพออกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ขณะเดียวกันหนทางข้างหน้ามันเต็มไปด้วยปัญหา ทุกอย่างดูแล้วไม่เป็นใจเอาเสียเลย !!