“เศรษฐา” หารือนโยบายแจกเงินดิจิทัลวันนี้ พร้อมนัด รมต.เพื่อไทย ทั้ง 16 ร่วมทานข้าวคุยสไตล์การทำงาน เผยพบผู้นำเหล่าทัพวานนี้รับฟังความเห็น-ขอบเขตภารกิจทหารทำอะไรบ้าง ยันไม่รื้อ “รังนกกระจอก” แค่ไปดูว่าใครอยู่ตรงไหน ขอโทษมีภาพโยนปากกากลางวงถกวิน จยย.แจงแค่วางลงเพราะหมึกหมด แต่เข้าใจเป็นบุคคลสาธารณะต้องระวัง ย้ำแจก 1 หมื่นงวดเดียว ไม่แบ่งจ่าย
วันนี้ (4 ก.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า จะมีการหารือเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเลต และพบปะกับหลายภาคส่วน รวมถึงช่วงเที่ยงของวันนี้ได้นัดทานข้าวกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย 16 คน ซึ่งจะมีการพูดคุยเรื่องนโยบายวิธีการทำงาน ก่อนหน้านี้ หลายคนเจอกันแค่ผิวเผิน วันนี้จะได้พูดคุยถึงสไตล์การทำงานและความคาดหวัง
นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการรับประทานอาหารร่วมกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ว่า ก็ดี เป็นการเก็บข้อมูล รับฟังความคิดเห็นของว่าที่ ผบ.เหล่าทัพ ขาดเพียงว่าที่ ผบ.ทอ.ที่ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ แต่ก่อนหน้านี้ ได้เจอกันเรียบร้อย ซึ่งการพูดคุยมีหลายประเด็น ทั้งการลดช่องว่าง ทหารกับประชาชน รวมถึงได้รับฟังการรายงานถึงความคืบหน้าว่ากองทัพได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง
ส่วนการสมัครใจเกณฑ์ทหาร ทางเหล่าทัพคิดเห็นอย่างไรนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เดี๋ยวจะมีการแถลงข่าวร่วมกันอีกครั้ง หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พูดคุยกับ ว่าที่ ผบ.เหล่าทัพครบทุกท่านอย่างเป็นทางการ เพราะเมื่อวานเป็นเพียงการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า เหล่าทัพได้สะท้อนอะไรหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องวาระงานในกองทัพและงบประมาณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันไกลถึงขนาดนั้น เพราะเป็นการรับฟังความคิดเห็น ตนเองก็ใหม่ จึงอยากฟังว่าทางเหล่าทัพทำอะไรบ้างนอกเหลือจากความปลอดภัย เช่นเดียวกับ กอ.รมน. ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่ามีภารกิจอะไรบ้าง และตนก็ไม่ทราบขอบเขตของทหารทำอะไรบ้าง ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์อธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
ขณะเดียวกัน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเดินทางไปร่วมการประชุมสหประชาติ ที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ กับตนด้วย เพราะจะต้องมีการเจรจาเรื่องความมั่นคงกับทางสหรัฐฯ
ส่วนที่จะมีการปรับเรื่องการประชาสัมพันธ์ของกองทัพ นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องการประชาสัมพันธ์กองทัพกับประชาชนไม่ได้ติดขัด เพียงแต่ทางกองทัพทำอะไรดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนหลายเรื่อง รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตไม่มีการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา และแพร่หลายไปทุกสื่อ จึงอยากเข้าไปช่วยดูว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่กองทัพก็ทำอะไรดีๆ เยอะ ต้องให้ความเป็นธรรมกับกองทัพด้วย หากปรับเรื่องการสื่อสารให้ดี ประชาชนก็จะทราบเรื่องดีๆ ที่กองทัพทำ
“ยืนยันว่า เมื่อวานนี้ เป็นเพียงไปรับฟังความคิดเห็นและรับทราบว่าทางสถาบันทหารทำอะไรอยู่บ้าง เป็นการทำความรู้จักกัน ตนเองไม่เคยเจอ ว่าที่ ผบ.ทร. ว่าที่ ผบ.ทบ. ยังไม่มีการพูดคุยถึงการเอาผู้ทรงคุณวุฒิที่เคยมีผลงานความสามารถมาช่วยงาน โดยหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน และแถลงนโยบายต้อรัฐสภาแล้ว ก็จะมีการพูดคุยกับกองทัพอีกครั้ง ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ รัฐบาลจะสานต่อหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้” นายกรัฐมนตรี ระบุ
เมื่อถามว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (3 ก.ย.) ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เข้าไปดูห้องทำงาน ห้องประชุม ห้องรองนายกรัฐมนตรี และห้องประชุม ครม.
ส่วนที่มีข่าวลือว่า จะไปรื้อรังนกกระจอก สถานที่ทำงานของสื่อมวลชน นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไปรื้อก็คงไม่ใช่ ตนไปรับฟังว่าใครอยู่ตรงไหน ทราบว่า ที่นั่งของสื่อมีอยู่สองสามที่ เราต้องการทำให้ดีขึ้น ใช้คำว่าปรับปรุงจะดีกว่า อาจจะทำให้ภาคบริหารเข้าถึงสื่อมวลชนได้ดีขึ้น คงจะไปปรับรูปแบบบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเป็นอยู่ต้องดีขึ้น ซึ่งการปรับเปลี่ยนคงไม่เยอะ เมื่อวานมีเวลาดูเพียงแค่ชั่วโมงครึ่ง และลักษณะการทำงานของนายกรัฐมนตรีแต่ละคนไม่เหมือนกัน วิธีการนั่ง วิธีการเรียกประชุม ก็คงต้องเข้าไปดูกันก่อน
เมื่อถามว่า กลัวกระแสจะไม่เห็นด้วยหรือไม่ เพราะเข้ามาก็เหมือนจะเข้าไปจัดระเบียบสื่อก่อน นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่เคยใช้คำว่าจัดระเบียบ ผมใช้คำว่าไปดูสิว่าความเป็นอยู่ของสื่อเป็นอย่างไรบ้าง ยืนยันถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างต้องดีขึ้น ไม่ใช่ว่าไปจัดระเบียบผมไม่เคยใช้คำเหล่านี้เลย และไม่ทราบว่าใครเป็นคนใช้ โดยขอให้สื่อสบายใจได้ จุดที่สื่อทำงานมีอยู่ 2-3 ที่ ก็จะทำให้ดีขึ้น เพราะดูแล้วยังไม่ค่อยสบาย ก็จะทำให้สบายขึ้น รวมถึงการทำงานร่วมกันของฝ่ายบริหาร จะทำงานเข้าถึงประชาชนได้ก็ต้องอาศัยสื่อ เพราะฉะนั้น การที่ฝ่ายบริหารไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี หรือที่ปรึกษา ก็อยากให้ มีที่สามารถพบปะพุดคุยกับสื่อมวลชนได้ ถ้าอยากทำนะครับ แต่ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่เป็นไร เพราะมีที่เป็นสัดส่วนของตัวเอง”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดทำนโยบายของรัฐบาลเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างส่งจัดพิมพ์ และที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ มาตลอด รวมถึงจะพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง
นายเศรษฐา ยังชี้แจงถึงกระแสโซเชียลจับตาท่าทีหลังมีคลิปปรากฎว่านายเศรษฐาโยนปากกา ในวันสัมมนากับวินรถจักรยานยนต์ ว่า อย่าใช้คำว่าจับผิดเลย เพียงแต่ภาพที่ปรากฏ ถ้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ก็ขอโทษด้วย ตนไม่ได้ไม่พอใจอะไร ซึ่งวันนั้นวินมอเตอร์ไซค์มีหลายประเด็น ตนต้องรีบจดเพื่อตอบคำถามให้ได้ มันเป็นเรื่องการทำงาน
“ผมก็บอกว่าหมึกหมด ผมไม่ได้ขว้าง ผมวางปล่อยลงไปบนโต๊ะ ก็เข้าใจว่า เป็นบุคคลสาธารณะการทำอะไรต่อไปนี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะภาพที่ออกไปถึงแม้ไม่ได้สะท้อนความรู้สึกตัวเราเอง แต่คนที่ดูอยู่ อาจจะเข้าใจผิดได้ ก็กราบขอโทษ และพยายามระมัดระวังตัวให้มากขึ้น”
ผู้สื่อข่าวจึงถามแซวว่า คราวหลังต้องเตรียมปากกาหลายด้ามหรือไม่ นายกฯ ระบุว่า ก็ต้องเตรียมหลายด้ามเหมือนกัน ที่จริงตนไม่ชอบปากกา ที่กดข้างๆ ชอบแบบกดข้างบน มันมีตรงที่หนีบ บางทีเขียนไปมันก็หล่น และคงต้องเตรียมหลายเรื่อง
นายเศรษฐา ยังเปิดเผยอีกว่า พรุ่งนี้จะ (5 ก.ย.) เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า ซึ่งตามกำหนดการจะถึงทำเนียบประมาณ 10.30 น.
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่อาจจะต้องใช้กรอบงบประมาณจากปี 2566 โดยยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล แต่ยอมรับว่า อาจจะมีล่าช้า พร้อมทั้งจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับรัฐมนตรีของพรรควันนี้ด้วย ยืนยัน จะไม่กระทบกับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท และจะจ่ายแบบครั้งเดียว ไม่มีแบ่งจ่ายตามที่นักวิชาการวิพากษ์วิจารณ์