รองปธ.สภาฯ เผย แบ่งสัดส่วนประธานกมธ.ยืนตามเดิม ไม่รอผลเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ระยอง หากชนะค่อยเปลี่ยนแปลงทีหลัง เผยหลายพรรคแย่งนั่งปธ.กมธ.ซ้ำ แต่เชื่อสุดท้ายคุยลงตัว เคาะ 14 ก.ย.ได้ข้อสรุป
วันนี้ (31ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานในการประชุมตัวแทนพรรคการเมืองเพื่อจัดสรรสัดส่วนกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 35 คณะ ว่าแต่ละพรรคการเมืองจะมีสัดส่วนของประธานกรรมาธิการ และสมาชิกในกรรมาธิการ
ทั้งนี้นายพิเชษฐ์ เปิดเผยผลการหารือว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะได้ประธานกมธ.พรรคละ 10 คณะ ส่วนพรรคอื่นๆจะเรียงลำดับไปตามสัดส่วน ทั้งนี้ ตัวแทนพรรคก้าวไกลได้ขอในที่ประชุมว่าให้เลือกตั้งซ่อม เขต 3 จ.ระยอง ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ผ่านไปก่อนได้หรือไม่ เพราะหากพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งจะได้สัดส่วนประธานกมธ.เป็น 11 คณะ แต่ตัวแทนพรรคการเมืองอื่นๆ เห็นว่าควรอยู่กับปัจจุบันที่มีสส. 499 คน จึงตกลงให้ยึดสัดส่วนตามปัจจุบัน ซึ่งทุกพรรคได้สัดส่วนตามที่ประกาศไว้ ดังนั้น ช่วงนี้จะเป็นขั้นตอนของตัวแทนแต่ละพรรคที่จะเจรจานอกรอบ ว่าจะได้ประธานกมธ.คณะใดบ้าง จากนั้น วันที่ 4 ก.ย.จะมีการประชุมตัวแทนของทุกพรรคการเมืองอีกครั้ง เพื่อรับทราบความคืบหน้า และสุดท้ายจะได้ข้อสรุปในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ทั้งในส่วนของประธานกมธ. 35 คณะ และสส.ทั้ง 499 คน ว่าจะสังกัดในกมธ.คณะใดบ้าง เพื่อที่วันที่ 14 ก.ย.จะได้เป็นวันประชุมกมธ.แต่ละคณะนัดแรก
ส่วนการพิจารณาว่าพรรคใดจะเป็นประธานกมธ.คณะใดบ้างนั้น จะดูตามความต้องการของแต่ละพรรคว่าอยากจะเป็นประธานกมธ.คณะใด ถ้าไม่ซ้ำกัน ทุกพรรคก็จะได้ไปเลย อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูขณะนี้ซ้ำกันไม่มากคิดว่าลงตัวได้ แต่หากซ้ำกันจะต้องพิจารณากันรอบสอง เช่น กมธ.แรงงาน กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ และกมธ.การกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ เป็นต้น ที่มีความต้องการซ้ำกัน ซึ่งเชื่อว่าจะตกลงกันได้
เมื่อถามว่า หากผลการเลือกตั้งซ่อมพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง จะสามารถขอโควต้าประธานกมธ.จากพรรคการเมืองได้หรือไม่ นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลชนะแล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง เรามีวิปของแต่ละพรรคที่จะได้หารือกัน ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าหากประธานกมธ.เป็นสัดส่วนของพรรคการเมือง ที่ซ้ำกับพรรคที่มีรัฐมนตรีรับผิดชอบกระทรวงอยู่จะทำให้การตรวจสอบยากลำบาก นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวว่ารัฐมนตรีอยู่กระทรวงไหนแล้วจะได้ประธานกมธ.คณะนั้น แต่ยึดตามความถนัดของงานมากกว่า
สำหรับหลักเกณฑ์คำนวณ จากจำนวนคณะกรรมาธิการทั้งหมด คือ 35 ตำแหน่ง คูณกับจำนวน สส.แต่ละพรรคการเมือง จากนั้นหารด้วยจำนวน สส.ทั้งหมดที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร 499 คน
ส่วนโควตาประธานกรรมาธิการตามที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับประกอบไปด้วย พรรคก้าวไกล จำนวน 10 ที่นั่ง , พรรคเพื่อไทย จำนวน 10 ที่นั่ง , พรรคภูมิใจไทยจำนวน 5 ที่นั่ง , พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 3 ที่นั่ง , พรรครวมไทยสร้างชาติ จำนวน 3 ที่นั่ง , พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 2 ที่นั่ง , พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาชาติ จำนวน 1 ที่นั่ง