xs
xsm
sm
md
lg

“เดชอิศม์” ยันต่อหน้าพระแม่ธรณีโหวตหนุน “เศรษฐา” ให้ ปท.เดินหน้า ปัดต่อรอง แขวะผู้ใหญ่อย่ามองคนอื่นต่ำมองตัวเองสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เดชอิศม์” ยันต่อหน้าพระแม่ธรณีฯ โหวตหนุน “เศรษฐา” เพื่อให้ประเทศเดินหน้า ไร้เงื่อนไขต่อรอง ย้ำ เป็นฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรี 100% พร้อมขู่ให้โอกาสแล้ว หากทำงานไร้ประโยชน์เจอเล่นแรงแน่ ยกเหตุปี 62 ปชป.เห็นต่างร่วมรัฐบาล “บิ๊กตู่” สุดท้าย ไปนั่งประธานสภา - รมช. แขวะผู้ใหญ่อย่ามองคนอื่นต่ำ มองตัวเองสูง หลงคำยอเลียแข้งเลียขาคนข้างกาย ลั่นพร้อมให้ขับพ้นพรรค แต่ต้องถาม ปชช.ว่า ยินยอมหรือไม่

วันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ 4 ภาคทั่วประทศ ประกอบด้วย ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคเหนือภาคกลาง และภาค กทม. ยื่นหนังสือถึงรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผ่าน นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอให้ตั้งกรรมการตรวจสอบและลงโทษกรรมการ สมาชิกและตัวแทนเขตที่เป็นมูลเหตุให้การประชุมวิสามัญ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม แล้ววันที่ 6 สิงหาคม ล่ม เลือกหัวหน้าพรรค และ กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ไม่ได้ โดยได้แนบหลักฐานที่ตัวแทนเขตสมาชิกพรรค หรือโหวตเตอร์ เดินทางไปที่ สปป.ลาว ในวันประชุมวิสามัญ วันที่ 6 สิงหาคม จนกลับมาประชุมไม่ทัน จนเป็นมูลเหตุให้องค์ประชุมล่ม สร้างความเสื่อมเสียงบประมาณและความแตกแยก จงใจทำให้พรรคเสียหายประเมินมูลค่าได้นับ 10 ล้านบาท เป็นงบประมาณจากภาษีประชาชนที่บริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหลายล้านบาทต่อปี รวมถึงค่าสมาชิกพรรครายปี การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ส่งผลให้พรรคถูกวิพากษ์วิจารณ์ นำความเสื่อมมาสู่พรรคประชาธิปัตย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงขอให้กับหัวหน้าพรรคตั้งกรรมการสอบในเรื่องนี้

นอกจากนี้ กลุ่มคนดังกล่าวยังได้มอบดอกไม้จากตัวแทนพรรค 4 ภาค เพื่อให้กำลังใจกรณีที่มีการยื่นให้ตรวจสอบ 16 ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงมติเห็นชอบ ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ที่เป็นการสวนต่อมติพรรค

ด้าน นายเดชอิศม์ กล่าวขอโทษในนามรักษาการรองหัวหน้าพรรค และยอมรับว่า ปัญหาองค์ประชุมล่มทั้ง 2 ครั้งไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ พร้อมย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ครั้ง จนเป็นที่มาของปัญหาไม่สามารถเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้
นายเดชอิศม์ ยังชี้แจงว่า ในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการพูดคุยกันถึงแนวทางลงมติ ซึ่งมี 3 แนวทาง คือ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง และเห็นชอบ ซึ่ง นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขอที่ประชุมลงมติไม่เห็นชอบไม่ว่าพรรคจะมีมติอย่างไร แต่ในที่ประชุมพรรคไม่ได้มีการลงมติ และเพิ่งทราบภายหลังว่าการเดินออกจากห้องประชุมของนายชวนติดภารกิจไปงานศพ และก่อนหน้านี้การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ก็ติดเรื่องมาตรา112 ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยก็มีกระแสจะล้มอีก จึงตกลงกันว่า เมื่อ3 เสาหลักพรรค โหวตงดออกเสียงและไม่เห็นชอบ ซึ่งก็ลังเลว่าเป็นมติพรรคหรือไม่ จึงตัดสินใจโหวตเห็นชอบ พร้อมเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์แปลกตรงที่เสียงส่วนน้อยจะดังกว่าเสียงส่วนมาก และอดีตส.ส. หรือ ส.ส. สอบตกจะมีเสียงดังกว่า ส.ส. สอบได้ คนที่อยู่นอกพรรคเสียงดังกว่าคนในพรรค เราจึงมาโหวตทีหลังโดยไม่ได้ตรวจสอบว่าคะแนนผ่านหรือไม่ผ่าน แต่เหตุผลที่ลงมติเพราะอยากให้ประเทศเดินหน้าได้

ส่วนที่พูดว่าไปขอร่วมรัฐบาลไม่อายเขาหรือ ยืนยัน เป็นครั้งที่ร้อย ว่า ตัว ส.ส. ไม่มีอำนาจในการเข้าร่วมรัฐบาลกรรมการบริหารพรรค ตัวบุคคลก็ไม่มีอำนาจหลักของประชาธิปัตย์คือต้องเทียบเชิญมา ประชุมร่วมกัน แล้วลงมติ พร้อมยกตัวอย่างการเลือกตั้งปี 2562 ที่พรรคมีการถกเถียงกันมาก โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสาธิต ปิตุเตชะได้คัดค้าน ไม่อยากร่วมรัฐบาล หรือส่งเสริม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือสืบทอดเผด็จการ ถกเถียงกัน 1 วัน 1 คืน สุดท้ายจบตรงลงมติ 61 คนขอให้ร่วมรัฐบาลเพื่อให้เดินหน้าไปได้ ส่วนอีก 16 คนเห็นว่ามีคนร่วม แต่ผลสุดท้ายนายสาธิตก็มารับตำแหน่งใน รมช.สาธารณสุข นายชวนรับตำแหน่งประธานสภา

“ส่วนที่ตนบอกว่าใครไม่โหวตใครรับไม่ได้ แล้วออกไปหมายถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้ตั้งใจมาพูดในวันนี้เพื่อขับไล่ใคร จึงขออย่านำเรื่องอื่น มาโยงใยเพื่อทำร้ายให้คนเกลียดชัง แล้วคนที่พูดดูดี”

“เราจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านร้อยเปอร์เซ็นต์ และขอให้ดูบทบาทฝ่ายค้านว่าค้านจริงอย่างไร ขออย่ามองคนอื่นต่ำตัวเองสูง อยากฝากถึงคนประชาธิปัตย์ให้ทุกคนมองมาที่พรรค ทั้ง 360 องศาโดยเฉพาะเรื่องที่ได้จำนวน ส.ส. ลดลง นโยบายโดนใจประชาชน ตรงต่อความต้องการของประชาชนหรือไม่ ถ้าไม่ต้องปรับต้องแก้ ต้องดูผลการเลือกตั้งในจังหวัดของตัวเอง เขตตัวเอง ต้องดูตัวเองให้ชัดอย่าฟังลิ่วล้อมากเกินไป ผู้ใหญ่บางคนที่ไม่ใช้สติและคิด และกาฝากในประชาธิปัตย์ก็มี เป็นใหญ่เป็นโตเพราะเลียแข้งเลียขา”


นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องกลับมาเริ่มคิดและนับหนึ่งใหม่ อย่าหลงงมงายกับกาฝากบางคนอาจจะโดนติดคุกที่มีเรื่องมีคดี เราอย่าคิด ว่าเป็นพรรคอื่นแล้วเราไม่ชอบจะเป็นคนชั่วหมด เป็นประชาธิปัตย์แล้วต้องเป็นคนดีทั้งหมด เพราะประชาธิปัตย์มีทั้งเคยติดคุก และกำลังจะติดคุก ความจริงเท่านั้นที่จะพาให้ประชาธิปัตย์ เดินไปข้างหน้าถ้าไม่ยอมรับความเป็นจริงยากมากที่ชนะการเลือกตั้งสมัยหน้า

นายเดชอิศม์ ยังเล่าย้อนว่า ตนรอคอยมา 17 ปีเต็ม ๆที่จะลงสมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านั้นมีการทำโพลแข่งกันในเขต 1 สงขลา นายเจือ ราชสีห์โดยมีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค ตนเสนอตัวคิดว่าจะทำโพลแข่งกัน แต่นายบัญญัติประกาศให้นายประพร เอกอุรุ เป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 สงขลา ทำให้ตนต้องย้ายไปพรรคไทยรักไทย มาปี 2562 มีผู้สมัครประสงค์อยู่ 3 คน และตนได้ลงเพราะมาจากการทำโพล ต้องขอบคุณนายอภิสิทธิ์ที่ให้โอกาส.และผลเลือกตั้งตนชนะที่หนึ่งของจังหวัดสงขลา

นายเดชอิศม์ กล่าวว่า มาวันนี้เขาจะดูถูกเหยียดหยามตนอย่างไร แต่อยากบอกว่าเป็นครั้งแรกที่คนใต้ให้โอกาสสุงสุด และให้โอกาสครอบครัวเลือกทั้งตน ภรรยา และลูก มาเป็น ส.ส.นี่คือเกียรติที่เขาให้กับครอบครัวตน

“ผมไม่นั่งล้มมวย ไม่มาชกภายใต้เงื่อนไขของประชาชนแล้วจะมาเป็นผู้แทนทำไม วันนี้เป้าหมายคือการต่อสู้เพื่อประชาชนทั้งประเทศ จึงอยากฝากว่านอกจากไม่ทรยศประชาชนแล้ว ต้องสร้างความเจริญให้กับประชาชนด้วย ไม่พูดจาแต่คำหวาน จนประชาชนเบื่อๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ทำอย่างแน่นอน”

นายเดชอิศม์ กล่าวว่า วันนี้เราประกาศชัดเจนว่าเป็นฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องมากังวล ขอให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ยืนยันไม่มีผลประโยชน์ในการโหวต ข่าวที่ออกว่าตนไปเจรจากับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั้นไม่ได้เจอกับนายภูมิธรรมเลย ตั้งแต่เป็น ส.ส.มาจนถึงวันนี้ ไม่มีโอกาสพบตัวเป็นๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีสมาชิกพรรคยื่นให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบลงโทษ 16 ส.ส.ที่โหวตนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าขัดต่อมติพรรค นายเดชอิศม์กล่าวว่าเรายอมรับได้หมดเพราะตนมาจากประชาชน คือหนึ่ง หากประชาชนบอกให้ตนอยู่พรรคนี้ ตนจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขให้พรรคนี้ดีขึ้น สองหากเห็นว่าตนไม่ควรอยู่พรรคนี้ก็พร้อมที่จะไป แต่สามถ้าไปแล้วยังไม่พอให้ตนเลิกเล่นการเมืองก็ได้ แต่ต้องถามประชาชนเพราะเขามีความคาดหวังในตัวตนและพรรคประชาธิปัตย์ ข้อหนึ่งข้อสองทำได้ แต่ข้อสามทำไม่ได้แน่เพราะต้องถาม ประชาชนก่อน

เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าการโหวตสวนมติพรรคเพราะต้องการทำให้ประเทศเดินหน้า นายเดชอิศม์กล่าวว่าตนยืนยันต่อหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม เราไม่มีเงื่อนไขและผลประโยชน์ใดๆเลย หลังจากโหวตแล้วเราไม่ได้ไปพบใครเลยนั่นคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะเราบอกแล้วว่าการร่วมรัฐบาลมี3ข้อ ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน หากอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ต้องได้รับเทียบเชิญและต้องประชุมร่วมกันแล้วมีมติออกมา ซึ่ง ส.ส.ทั้ง 16 คน ได้ไปพูดคุยกันหน้าห้องประชุมว่าจะโหวตให้นายเศรษฐา แต่ก่อนหน้านั้นคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ วันนั้นหลายคนบอกโหวตให้เถอะ โดยเสนอในที่ประชุมสส. นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็คงได้ยิน และมีหลายคนบอกงดออกเสียง แต่คนที่บอกว่าไม่เห็นด้วยมีนายชวนคนเดียว

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากพรรคจะมีมติออกมาให้ขับ 16 ส.ส. นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะหลักของประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็ต้องยอมรับมติ

เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีมติงดออกเสียงในการโหวตนายเศรษฐา นายเดชอิศม์กล่าวว่าตนคิดว่าเป็นอย่างนั้นเพราะนายจุรินทร์เกรงใจนายชวน เพราะหากโหวตออกมาแล้วจะเป็น 1 ต่อ 24 เสียง จึงบอกว่าอย่าโหวตเลยให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่หลายคนเข้าใจว่าเป็นมติเพราะด้วยความเกรงใจผู้ใหญ่ นั่นคือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยไม่มีมติออกมาว่างดออกเสียง เพราะถ้าเป็นมติต้องโหวตแข่งกันใน 3 แนวทางนั้น และเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมดูเหมือนเห็นด้วยกับการงดออกเสียง

เมื่อถามว่า แสดงว่า โฆษกที่ประชุมออกมาแถลงว่างดออกเสียงถือเป็นการแถลงผิดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า โฆษกน่าจะเข้าใจเหมือนหลายคนในวันนั้นว่าเป็นมติ เพราะเมื่อประชุมเสร็จทุกคนก็ต่างแยกย้ายกัน และเมื่อลงมติในที่ประชุมรัฐสภาทั้งนายชวน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ไม่ได้โหวตเหมือนกัน เราจึงยิ่งมั่นใจว่าไม่ได้เป็นมติพรรค

เมื่อถามว่า เมื่อเราโหวตเห็นชอบนายเศรษฐา แต่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล ถือเป็นการโหวตให้ฟรีหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไม่ถือว่าฟรี อย่างน้อยประเทศชาติก็ได้ประโยชน์

“เวลาเราเป็นฝ่ายค้านเราก็พูดได้เต็มคำว่า พวกผมให้โอกาสคุณไปใช้ แล้วประเทศชาติไม่เกิดประโยชน์ เราเล่นแรงนะครับ"
เมื่อถามย้ำว่าตอนมาโหวตให้นายเศรษฐาได้เสียงเพียงพอแล้ว นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตอนนั้นไม่ได้เช็กเสียง เพราะกลุ่มเราลงมติตอนที่สภาโหวตไปได้แค่ 10% จึงไม่รู้ว่าเสียงพอหรือไม่ แต่เมื่อเสียงเขาครบแล้วมติเรายังอยู่เหมือนเดิมเราก็โหวตตามนั้น
เมื่อถามว่าตอนนี้มีตัวกลางมาประสานรอยร้าวบ้างหรือยัง เพราะรัฐบาลก็ได้ไปแล้ว แต่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ยังไม่ได้ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาคุยเลยว่าจะเอาอย่างไร และวันศุกร์นี้ตนจะกลับบ้านที่สงขลาแล้วจะมีประชาชนจำนวนมาก ตนยังให้คำตอบเขาไมไ่ด้เลยว่ากรรมการบริหารพรรคเราจะได้เมื่อไหร่




กำลังโหลดความคิดเห็น