‘พิธา’ ยืนยันคงเส้นคงวา หลังโพล ม.ศรีปทุมชี้คะแนนนิยมเพิ่ม หวัง มท.1 คนใหม่ ผลักดันการกระจายอำนาจ ลดการกระจุกตัว พร้อมให้เวลารัฐบาลได้ทำงานก่อน หวังแก้ปัญหาหนี้สิน-สิทธิในที่ดินได้รวดเร็ว
วันนี้ (26 ส.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อม เขต 3 จ.ระยอง ถึงกรณีผลโพลของ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นมหาวิทยาลัยศรีปทุมร่วมกับดีโหวต คะแนนนิยมหลังตั้งรัฐบาล-นายกฯ ซึ่งพบว่า 62% จะเลือกพรรคก้าวไกลหากมีการเลือกตั้งใหม่ และคะแนนของพรรคเพื่อไทยก็ไหลมาอยู่พรรคก้าวไกล
นายพิธา กล่าวว่าตนเองยังรู้สึกคงเส้นคงวา เกี่ยวกับการอ่านโพล ทั้งก่อนเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง และสิ่งที่จะสะท้อนได้ คงจะต้องอ้างอิงสื่อมวลชน ที่แสดงให้เห็นว่า ประชาชนทุกรุ่นทุกวัย สนใจการเมืองเป็นพิเศษ ทั้งนี้จึงต้องใช้ผลโพลเป็นกำลังที่จะเดินหน้าทำงานทางการเมืองต่อไป และปรับปรุงในสิ่งที่ยังทำได้ไม่ดีพอ
เมื่อถามถึงโผ ครม.ที่ค่อนข้างชัดเจนว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย มองอย่างไร นายพิธา ระบุว่า สำหรับกระทรวงมหาดไทย ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี สิ่งที่สำคัญคือการกระจายอำนาจ เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกล ผลักดันมาโดยตลอด และหวังว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ก็หวังว่าจะเน้นทำงานในเรื่องนี้ เพราะมีรายละเอียดเยอะ โดยเฉพาะการกระจายงบประมาณ กระจายบุคลากร และกระจายภารกิจ และโอกาสในการเก็บภาษี เพื่อให้การบริหารแผ่นดิน เป็นไปด้วยความฉับไว เพราะก่อนหน้านี้มีบทเรียนมาหลายช่วง ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และโควิด จึงคิดว่าเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยและคนที่จะมารับตำแหน่งนี้
นายพิธา มองว่า ต้องให้เวลารัฐบาลในการทำงานก่อน เพราะตอนนี้ยังเป็นแค่ โผ ครม.ไม่ทราบว่าใครเป็นรัฐมนตรีกันแน่ และไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ เรื่องการกระจายอำนาจถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ประเทศไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากให้มีการกระจุกตัวของอำนาจ อยู่ในแค่เมืองแค่ไม่กี่เมือง ก็จะทำให้ประเทศไทยไปต่อไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยตั้งโรดแมปในการทำงานให้กับประชาชนอย่างไรบ้าง เหมือนที่พรรคก้าวไกลก็ได้จัดทำโรดแมปประกาศกับประชาชนอย่างชัดเจน นายพิธา ระบุว่า ในช่วงวิกฤต ไม่ว่าพรรคอะไรก็คงต้องมีโรดแมป เป็นของตัวเอง ที่จะประกาศกับประชาชน อย่างชัดเจน เพื่อให้เห็นว่าประชาชน จะมีส่วนร่วม และมีความคาดหวังได้อย่างไรบ้าง ซึ่งของพรรคก้าวไกล ในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการผลักดันกฏหมายสำคัญเข้าสู่สภา ซึ่งเป็นสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายสุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม จะมีการผลักดันต่อไป ถ้า ครม.บรรจุไม่ทัน 60 วัน ก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่ ทางฝั่งพรรคก้าวไกล จะมีโรดแมปบอกพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคก้าวไกล หรือไม่ได้เลือก ว่าการทำงานในส่วนของนิติบัญญัติจะเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วง 3 เดือนแรก มองว่า ครม.พรรคเพื่อไทย ควรแก้ไขปัญหาเรื่องไหนเป็นอันดับแรกนั้น นายพิธา ระบุว่า ต้องทำตามที่ให้สัญญากับประชาชนเอาไว้ มีหลายอย่างที่รอรัฐบาลใหม่อยู่ เช่น วิกฤติที่ดิน ที่สะสมมานาน เรื่องหนี้สิน เรื่องการเพิ่มมูลค่าการเกษตร คล้ายกับกระดุม 5 เม็ดที่เคยอภิปรายไป โดยเฉพาะเรื่องสิทธิการทำกิน และการดูแลสถานะเกษตรกร