“ณัฐชา” ยัน หนุน “ปดิพัทธ์” นั่งรองประธานสภา ต่อ เผย ยังไม่ถกพรรคอื่นหาข้อสรุป ระบุ ตามกฎหมายโยนให้ “ประชาธิปัตย์” ไม่ได้ ตัดพ้อ “ก้าวไกล” ชนะเลือกตั้ง แต่ชวดทุกตำแหน่ง แม้แต่ฝ่ายค้าน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 ส.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนกรณีตำแหน่งรองประธาน และผู้นำฝ่ายค้านพรรคก้าวไกล ได้หารือถึงเรื่องดังกล่าวหรือยัง นายณัฐชา กล่าวว่า ยังคงต้องให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นกลไกที่ได้มาโดยชอบ ผ่านการเลือกของที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างถูกต้อง
ส่วนข้อกฎหมายที่ระบุไว้ว่า พรรคฝ่ายค้านไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานสภา หรือรองประธานสภา ได้นั้น ทำให้พรรคก้าวไกลอยู่ในสถานะที่ก้ำกึ่งมาก จะบอกว่าเราเป็นฝ่ายค้านก็พูดได้ไม่เต็มปาก
“เราชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1 เราขอตำแหน่งประธานสภาก็ถูกกีดกัน ขอนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ ขอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้ ต่อมาขอเป็นฝ่ายค้านก็ยังโดนกฎกติกาต่างๆ ทำให้ไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน ต่อจากนี้ไปพรรคก้าวไกลก็คงอยู่ในสถานะที่เรียกว่า ฝ่ายค้านโดยการกระทำในทางพฤตินัย แต่ในทางนิตินัย ยังไม่สามารถเรียกตัวเองว่าฝ่ายค้านได้เต็มปาก
เพราะเรายังสนับสนุนนายปดิพัทธ์ดำรงตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาคนที่ 1 ต่อไปอย่างสุดความสามารถ ฉะนั้น เรายังคงไม่ถูกเรียกว่าฝ่ายค้านได้อย่างเต็มรูปแบบ” นายณัฐชา กล่าว
เมื่อถามว่า ต้องมีการยกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านให้กับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะมีจำนวนเสียงรองลงมา นายณัฐชา กล่าวว่า โดยกติกาไม่มี ต้องเป็นพรรคที่มีเสียงอันดับ 1 ในฟากฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคอื่นๆ ไม่มีเสียงมากกว่าพรรคก้าวไกล ฉะนั้น ก็ไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ หากพรรคก้าวไกลไม่นำเสนอผู้นำฝ่ายค้าน ก็ไม่มีพรรคอื่นที่จะได้ในตำแหน่งนี้ โดยกติกาแล้วทำไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า ระหว่างตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านกับรองประธานสภา พรรคก้าวไกล จะเลือกอะไร นายณัฐชา กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะเลือกอะไร แต่ขณะนี้เรายังคงไว้ซึ่งตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 เมื่อถามอีกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องนี้เมื่อไหร่ นายณัฐชา กล่าวว่า ยังไม่ต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้ เนื่องจากรองประธานสภาคนที่ 1 ยังปฏิบัติหน้าที่ได้อยู่ ส่วนกลไกในการตั้งผู้นำฝ่ายค้านนั้น ทางผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นหัวหน้าพรรคโดยตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้หัวหน้าพรรคของพรรคก้าวไกล คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งยังคงถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ และไม่สามารถเข้ามาทำหน้าที่ในสภาได้ และเราไม่มีความประสงค์เปลี่ยนเป็นบุคคลอื่น ฉะนั้นตำแหน่งของผู้นำฝ่ายค้านจะต้องว่างเว้นลงไป
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยประเด็นดังกล่าวกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยเพราะยังไม่รู้สถานะของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีมีหลายทิศทางเหลือเกิน จึงจับไม่ได้ว่าจะอยู่ฝ่ายค้านหคือฝ่ายรัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า ได้มีการพูดคุยกันในพรรคฝ่ายค้านทางนิตินัยหรือยัง นายณัฐชา กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันอย่างเป็นทางการ เพราะการเป็นฝ่ายค้านไม่ต้องประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการ หรือต้องลงนามความร่วมมืออะไรต่างๆ แต่แน่นอนว่า การทำหน้าที่ ส.ส. ในฟากฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลก็เคยทำหน้าที่นี้ใน 4 ปีที่ผ่านมา รอบนี้ก็คงมีพรรคเป็นธรรม และพรรคไทยสร้างไทย มาร่วมด้วย หรือแม้กระทั่งพรรคอื่นๆ อีกประปราย
เมื่อถามว่า ตำแหน่งประธานกรรมาธิการวิสามัญของสภา พรรคก้าวไกลได้มีการวางตัวไว้หรือยัง นายณัฐชา กล่าวว่า ยังไม่ได้วางตัวว่าจะเป็นบุคคลใด เพราะยังไม่ได้มึการประชุมเพื่อจัดสรรปันส่วนว่าพรรคใดได้คณะกรรมาธิการชุดใด ซึ่งหลังการประชุมจัดสรรปันส่วนแล้ว ทางพรรคก้าวไกลก็จะประชุมหารือ เลือกคัดสรรผู้ที่มีคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการ เพื่อการทำหน้าที่ต่อไป
เมื่อถามว่า เบื้องต้นประมาณไว้ว่าจะได้กี่คณะ นายณัฐชา กล่าวว่า จากจำนวน ส.ส. 151 เสียงของพรรคก้าวไกล คาดว่า จะได้ 12 คณะ