กกต.มั่นใจเลือกตั้งซ่อมระยอง ไร้ปัญหา เร่งตีปี๊บชวน ปชช.ออกมาใช้สิทธิ ชี้ กระบวนสอบ ม.151 “พิธา” ยังไม่เสร็จ รอศาล รธน.วินิจฉัยสถานะ จึงค่อยพิสูจน์เจตนาอีกรอบ ระบุ ยกคำร้องยุบพรรคแล้ว 111 เรื่อง
วันนี้ (18 ส.ค.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงความพร้อมการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดระยอง แทนตำแหน่งที่ว่าง ว่า กกต.ใช้ฐานข้อมูล จำนวนประชากร และหน่วยเลือกตั้งเดิมจากการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปมาเป็นแนวทางการจัดการเลือกตั้ง แม้ว่าระยะเวลาการเลือกตั้งอาจจะน้อย แต่จะไม่กระทบต่อการบริหารจัดการเลือกตั้ง โดยจะมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากขึ้น ส่วนที่มีผู้สมัครขณะนี้เพียง 2 คน ลักษณะแบ่งขั้วการเมืองนั้น มองว่า การแข่งขันเลือกตั้งไม่ว่าจะลงสมัครกี่คน ก็ไม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ หากมีการแข่งขันเพียง 2 คน ก็จะเป็นเรื่องของการเมือง ส่วนการแข่งขันเป็นเรื่องของกติกา ต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ยอมรับว่า ทุกการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ก็จะมีการกล่าวอ้างเรื่องปัญหาการใช้อำนาจรัฐ แต่ช่วงนี้เป็นรัฐบาลรักษาการก็จะเป็นเช่นเดียวกับรัฐบาลทั่วไป ซึ่ง กกต.จะดูแลการแข่งขันให้เป็นไปโดยความเสมอภาค และเบื้องต้นขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนใดเข้ามา เนื่องจากเพิ่งสมัครรับเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า จะมีการใช้สนามเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการวัดพลังทางการเมืองระดับประเทศหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ตนเองไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบคำถามดังกล่าวได้
นายแสวง ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องยุบพรรคการเมือง ว่า คำร้องยุบพรรคการเมือง มีจำนวน 135 เรื่อง พิจารณาเสร็จสิ้นไปแล้ว 111 เรื่อง คงเหลือพิจารณา 24 เรื่อง ประมาณ 10 พรรคการเมือง ส่วนใหญ่เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ส่วนที่ร้องยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กรณีนโยบายหาเสียงที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในส่วนสำนักงาน กกต.โดยตนในฐานะนายทะเบียนที่กำกับดูแลพรรคการเมือง ก็ได้มอบหมายให้ไปตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย
ส่วนเรื่องการสอบสวนนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วไม่สิทธิลงสมัครแต่ยังลงสมัคร ขณะนี้กระบวนการพิจารณายังไม่แล้วเสร็จและมาถึงขณะนี้เรื่องมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ต้องรอพิจารณาว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร โดยเฉพาะจะต้องดูที่เจตนา หากไม่มีเจตนาก็ไม่มีความผิด จะต้องพิสูจน์เจตนา เนื่องจากเป็นคดีอาญา คำร้องอยู่ในกระบวนการสืบสวนอยู่ หากเข้าข่ายการให้คุณให้โทษ จะต้องมีการเชิญมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แตกต่างจากเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคลและปรากฏในเอกสารราชการอยู่แล้ว โดยกระบวนการทั้งหมดอยู่ระหว่างพิจารณา
“เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เมื่อ กกต. พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามกฎหมายมีอยู่ 3 ลักษณะที่จะทำให้พ้นจากตำแหน่งกรณีการถือหุ้นสื่อ โดย 2 ลักษณะแรก มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นแนวทางแล้ว ขณะที่กรณีนี้มีข้อเท็จจริงอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีความแตกต่างกัน ซึ่ง กกต.ไม่ใช่คนตัดสิน เพราะผู้ที่ตัดสินคือศาลรัฐธรรมนูญ “