“เศรษฐา” แถลงโต้ “ชูวิทย์” บิดเบือนข้อมูลปมที่ดินแปลงสารสิน และซอยทองหล่อ แฉกลับ “เสี่ยอ่าง” โกรธที่แสนสิริปฏิเสธซื้อที่ดิน ซ.สุขุมวิท 24 เหตุติดสัญญากับผู้ซื้อเดิม หลังพรรคเพื่อไทย มีมติเสนอชื่อตนโหวตนายกฯ “ชูวิทย์” ส่งข้อความขู่ให้จ่ายเงินมัดจำ และทำ MOU แบบไร้เงื่อนไข ไม่เช่นนั้น จะออกมาด้อยค่าว่าไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ ลั่นพร้อมสู้ในทุกศาล
เมื่อเวลา 12.09 น. วันนี้ (18 ส.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่วิดีโอคลิปคำชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก กรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด ได้กล่าวหาว่า นายเศรษฐา บริหารงานบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ไม่โปร่งใส กรณีการซื้อที่ดินย่านสารสิน และย่านทองหล่อ โดยมีรายละเอียดการชี้แจงคำต่อคำ ดังนี้
สวัสดีครับ ผม เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และอดีตผู้บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ตลอดระยะเวลากว่าสามสิบปีในการทำธุรกิจของผม เป็นที่รับทราบ และยอมรับของสังคมมาโดยตลอด วันนี้ผมออกมาพูดในฐานะที่เคยเป็นผู้บริหารบริษัท แสนสิริ และในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
บริษัท แสนสิริ ผ่านพ้นวิกฤตมาหลากหลายรูปแบบ ทีมงานทุกคนบริหารงานอย่างโปร่งใสในรูปแบบของคณะกรรมการตามข้อบังคับของบริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เราทำงานตามหลักธรรมาภิบาล
แสนสิริ เติบโตในวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคงแข็งแรง ไม่เคยถูกตั้งข้อกล่าวหาหรือแม้กระทั่งตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการทำงานและการประกอบการของบริษัทแต่อย่างใด
ผมออกมาวันนี้ เพื่อให้ข้อเท็จจริงและตอบคำถามของสังคมในกรณีการจัดซื้อที่ดินของแสนสิริ และเรื่องนอมินี
ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหาร ผมยืนยันว่า ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน การซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบการบริษัท เราดำเนินการด้วยความถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ไม่เคยมีวิธีการนอกระบบกฎหมายเพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ หรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว
ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหาในทุกกรณีที่คุณชูวิทย์นำมากล่าวอ้าง ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนให้เกิดความเสียหาย ในทุก Episode ที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาสร้างกระแสนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแปลงสารสิน หรือที่ดินซอยทองหล่อ เป็นเรื่องแบบเดียวกัน
คุณต้องยอมรับว่า แสนสิริ ในฐานะผู้ซื้อ ทำธุรกรรมกับผู้ขายรายต่างๆ โดยชำระค่าที่ดินตามราคาตลาดที่สมเหตุสมผล สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้ซื้อ และ ผู้ขาย มีหน้าที่ที่ต้องชำระหนี้ซึ่งกันและกัน รวมทั้งหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด บริษัท แสนสิริ คือ ผู้ซื้อ ซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการบริหารภายในของฝ่ายผู้ขายได้ในทุกขั้นตอน ฝั่งผู้ซื้อไม่มีนอมินี ไม่มีการปล่อยกู้ให้ผู้ขาย ความจริงเป็นการจดจำนองเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญา และห้ามผิดสัญญา ของบริษัทผู้ขาย และประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท มีหลักฐานชัดเจน ผมยืนยัน ไม่มีการทำสัญญากู้ครับ อีกทั้งไม่มีการสมคบคิดใดๆ และไม่เคยมีเงินทอนใดๆ กลับมาที่ผม หรือพนักงานแสนสิริ คนไหนทั้งสิ้น
แปลงโครงการ KHUN by YOO มูลค่าที่ดิน 1 ล้าน 1 แสนบาทต่อตารางวา เป็นราคาที่ดินที่ถือว่าดีมาก ราคานี้ไม่มีเงินทอนให้ใครหรอกครับ ขอย้ำอีกครั้ง คุณชูวิทย์ ต้องแยก “ผู้ขาย” กับ “ผู้ซื้อ” ให้ได้ อย่าบิดเบือน และแสนสิริ ไม่มีนอมินีแน่นอน หลังจากนี้ คุณจะพูดเรื่องที่ดินอีกกี่แปลงก็ได้ คุณต้องแยกผู้ขาย กับ ผู้ซื้อ ให้ชัดเจน คุณชูวิทย์ ต้องใช้ความจริงที่ไม่บิดเบือน
คุณโกรธเคืองที่บริษัทไม่ซื้อที่ดินคุณที่ซอยสุขุมวิท 24 เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว เราตกลงกันจากราคา 2,000 ล้านบาท เหลือ 1,800 ล้านบาท แต่ที่ดินคุณชูวิทย์ มีเงื่อนไขติดพันกับบริษัท ไรมอนด์ แลนด์ แสนสิริ ไม่สามารถซื้อที่ดินที่มีนิติกรรมซ้อนได้ คุณไม่พอใจ แต่เพราะเงื่อนไขของที่ดินของคุณเอง แสนสิริ เป็นบริษัทมหาชน ผมทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ และไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย รวมถึงไม่ผิดจริยธรรมใดๆ
ที่ผ่านมา 10 เดือน ตั้งแต่กันยายน ปีที่แล้ว จนมาถึงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ในวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่ข่าวออกเรื่องมติของพรรคเสนอชื่อผมในสภา ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมโดนข่มขู่ คุณฝากข้อความผ่านคนใกล้ชิดของคุณมา สั่งให้ผมมัดจำเงินเพื่อซื้อที่ดินของคุณ และทำ MOU แบบไม่มีเงื่อนไขในการซื้อที่ดินของคุณ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด คุณไม่มีสิทธิมาข่มขู่ผม คุณติดต่อผู้ใหญ่มากมายให้มาบอกผมว่าคุณจะแฉผม และทำทุกอย่างเพื่อให้ผมไม่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าจะให้ไม่แฉ ให้ผมตกลงซื้อที่ดิน 2,000 ล้าน ทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่อย่างนั้นคุณชูวิทย์ จะเดินหน้าดิสเครดิตและด้อยค่าผมต่อไป
คุณชูวิทย์ บิดเบือนไปถึงเรื่อง Digital Wallet ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายฟอกเงินผ่านทาง Coin อะไรเลอะเทอะไปหมด ผมขอให้คุณชูวิทย์ อย่าได้เอาเรื่องนโยบาย Digital Wallet ของพรรคเพื่อไทย มาโจมตีอย่างไม่มีหลักการ โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี มีผลประโยชน์ต่อประชาชน ประเทศชาติอย่างมาก สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เป็นจำนวนมากถึง 50 ล้านคน ทั้งผู้ผลิต ทั้งการจ้างงาน ทั้งการยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน และเป็นนโยบายสำคัญที่สุดอันดับหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทันที ทำให้ประเทศนั้น สามารถพลิกกู้กลับเข้ามาได้อีกครั้ง และงบประมาณทั้งหมดจะถูกตรงไปยังประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
การที่ผมพูดความจริงในครั้งนี้ ผมรู้ว่า คุณชูวิทย์ ต้องไม่พอใจ และอาจไปฟ้องศาล ผมก็พร้อมที่จะนำพยานหลักฐานไปสู้คดีกับคุณชูวิทย์ ในศาลต่อไป
ผม เศรษฐา ทวีสิน ชีวิตผมตรวจสอบได้หมดทุกอย่าง ลูกผมมีงานที่ดีทำทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที ผมไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ทุกๆ คนเตือนผมว่าอย่าลงการเมือง มันเปลืองตัว ผมขอบคุณในความหวังดีของทุกท่าน แต่ผม เศรษฐา ทวีสิน วันนี้ผมตัดสินใจเอง ผมอาสาเข้ามาตรงนี้ เพราะอยากทำให้ประเทศชาติและเศรษฐกิจดีขึ้น เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
จากวันแรกที่ผมตัดสินใจจะทำ จนถึงวันนี้ ผมมั่นใจจะทำให้ประเทศชาติเหมือนเดิม ผมย้ำอีกครั้ง ศัตรูของผมคือความยากจน และความไม่เสมอภาคของประชาชน เป้าหมายของผม คือ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ขอบคุณครับ