อดีตแกนนำพิราบขาว บุกทวงถาม กกต.ตีตกคำร้องยุบเพื่อไทย ปล่อย “เต้น” ครอบงำพรรค อ้างเอกสารไม่ครบ พร้อมปัดตกเรื่องร้องเรียนเป็นร้อย ส่งแค่เรื่อง “พิธา ก้าวไกล” ถึงศาลรัฐธรรมนูญรวดเร็ว
วันนี้(15 ส.ค.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ที่เคยถูกจำคุกในคดีบุกบ้านสี่เสาเทเซสร์ร่วมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ยื่นหนังสือต่อ กกต.ขอทราบคำตอบในเรื่องที่ยื่นร้องเรียนให้ กกต.มีการตรวจสอบ กรณีพรรคเพื่อไทยยอมให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ซึ่งโทษจำคุกคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว กระทำการในลักษณะครอบงำพรรค เข้าข่ายขัดมาตรา 28 มาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคตามมาตรา 92
นายนพรุจ กล่าวว่า นายณัฐวุฒิ ต้องโทษจำคุกคดีอาญาถึงที่สุดแล้วจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ได้ แต่ได้แสดงออกในลักษณะครอบงำพรรคเพื่อไทย โดยไปนั่งแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทยเรื่องนี้ตนได้ยื่นมาตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 2566 แต่จนถึงขณะนี้ 5 เดือนแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ในขณะที่ชั้นกรรมการไต่สวนบอกว่ามีมูล ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องมาคุยกันว่าหลักฐานไม่เพียงพอนั้นคืออะไร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ข้อมูลหลักฐานต่างๆ ได้ปรากฏผ่านสื่อต่างๆ และโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว การหาข้อมูลไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก็ได้มาทุกคลิป ทุกสื่อ จึงขอให้ กกต.ตอบให้หายสงสัย ว่าผิด พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่ และตอบด้วยว่า กกต.ดำเนินบทบาทของตัวเองอย่างไร เพื่อที่ตนจะได้นำไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ต่อไป เสมือนให้รู้ว่า กกต.ดำเนินการในบทบาทอะไร ทางป.ป.ช.จะได้ดำเนินการให้ถูก
“กกต.มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากฝั่งผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง เพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ดูว่ามีมูลหรือไม่มีมูล แล้วส่งศาลพิจารณา แต่จะเห็นว่ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเป็นร้อยๆ เรื่อง แล้ว กกต.ปัดตกหมด ตรงนี้กกต.ก็ต้องตอบคำถามเหมือนกันว่าปัดตกเรื่องเหล่านั้นเพราะอะไร มีเพียงเรื่องเดียวที่พิจาณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ คือกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เท่านั้น ทำไมเรื่องของพรรคก้าวไกลใช้เวลาอันสั้น แต่พรรคอื่นๆ กลับใช้เวลานาน เรื่องนี้หลายคนก็สงสัย ดังนั้นคุณต้องตอบ”.