xs
xsm
sm
md
lg

“จุติ” ขอผู้สูงอายุสบายใจได้ เบี้ยยังชีพไม่สะดุด 100% โยนรัฐบาลใหม่เคาะหลักเกณฑ์ อัด “วิโรจน” พ่นวาทะกรรมใครก็ทำได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จุติ” ขอผู้สูงอายุสบายใจได้ เบี้ยยังชีพ เหมือนเดิม ไม่สะดุด 100% โยน รัฐบาลใหม่เคาะหลักเกณฑ์ โต้ฝ่ายการเมือง นโยบายพรรคหาเสียงต่างกับนโยบายรัฐบาล บอกหากอยากจ่าย 3,000 ต้องเพิ่มงบฯ พม. 9 เท่า อัด “วิโรจน” วาทะกรรมใครก็พูดได้ แต่อยู่ที่จิตสำนึก ขอร้องผ่านเลือกตั้ง 2 เดือนแล้ว รักกันดีกว่า ลั่นโครงสร้างภาษีไทย ไม่ได้ออกแบบเป็นรัฐสวัสดิการ ฝาก รมว.พม.คนใหม่ “คิดถึงทุกกลุ่ม รักทุกคน เฉลี่ยทุกเฉลี่ยสุขดีกว่า”

วันนี้(15 ส.ค.) นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรณีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์จ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ นั้น มองว่า กระทรวงมหาดไทยไม่ได้โยนมายัง พม. ซึ่งเขาทำตามระเบียบตามกฎหมาย เพราะทุกคนไม่อยากทำผิดกฏหมาย รัฐธรรมนูญเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนตาม และต้องคอย คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติกำหนดเกณฑ์ พร้อมชี้แจงรายละเอียดความชัดเจนขณะนี้ 1.ทุกคนที่ได้รับเบี้ยยังชีพเหมือนเดิมทุกประการ 100% ไม่มีใครตกหล่น 2. ต้องรอคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ 3. เป็นแนวทางเลือก ตาม มารยาทแล้วอยู่ที่รัฐบาลใหม่ว่าให้ทำอย่างไร 4.ความกังวลว่าเวลาให้ต้องคำนึงถึงกลุ่มอื่นๆของสังคมด้วย ซึ่งมีเด็ก 21 ล้านคน คนพิการ 3 ล้านคน ผู้สูงอายุ 11 ล้านคน

นายจุติ ยังระบุว่า ผู้สูงอายุที่แสดงสิทธิ์11 ล้านคน รับอยู่ 89,000 ล้านบาท มีคนที่จนจริงจริงเพียง 4 ล้านคน ต้องถามว่าคนที่เป็นรัฐบาลมีงบประมานที่จำกัด จะเอาเงินไปช่วยคนที่จนที่สุดของประเทศก่อนหรือไม่เท่านั้นเอง ซึ่งหากรัฐบาลใหม่มาบอกว่าพร้อมที่จะให้เงินเดือนละ 3,000 บาท ก็ต้องไปเก็บภาษีมาให้ได้ ปีละ 720,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันนี้กระทรวง พม. ทั้งกระทรวงได้รับงบประมาณอยู่ 8,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นคุณต้องไปหางบประมาณมาอีก 9 เท่า
 
นายจุติ ยังยืนยันว่าไม่ได้วางกรอบหรือเงื่อนไขระยะเวลา ให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเคราะห์หลักเกณฑ์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เป็นคนเลือกว่าจะให้อย่างไร พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ยังจ่ายเงินปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร 100% รับเหมือนเดิมทุกประการไม่มีใครตกหล่นแม้แต่คนเดียง เพราะมีบทเฉพาะกาลอยู่
ส่วนคาดว่าจะสามารถออกหลักเกณฑ์ ฯ ได้ช่วงไหน นั้น นายจุติ กล่าวว่า อยู่ที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จะตัดสินและส่งให้รัฐบาลใหม่
 
ส่วนจะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร เพราะ หลายคนกังวล จะถูกตัดเบี้ยผู้สูงอายุ นายจุติ ย้ำว่า “วันนี้100% ว่าผู้สูงอายุยังได้รับเบี้ยยังชีพ เหมือนเดิมไม่สะดุด งบประมาณก็จะเอาไว้แล้ว งบปี66 จะจบ เดือนก.ย.นี้ และงบ ปี 67 เพิ่มเป็น 110,000 ล้านบาท เพราะผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
 
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองออกมาท้วงติง อย่าง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาแสดงความเห็นว่าเป็นการลักไก่ ช่วงรัฐบาลรักษาการ นั้น นายจุติ กล่าวว่า “ วาทะกรรมก็พูดได้ แต่ว่าเราอยู่ที่สามัญสำนึก จิตสำนึก และทำให้คนส่วนใหญ่เถอะ ผมไม่ทะเลาะการเมือง อยากฝากทุกคนใครจะทำอะไรก็ได้ ความสะใจ ไม่ได้ให้อะไรใครซักคนเดียว ซึ่งการเลือกตั้งจบไปแล้วตั้งสองเดือนให้คนไทยรักกันดีกว่า ขอร้อง “
 
เมื่อถามว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตอนหาเสียงมีนโยบายจะเพิ่ม เงินผู้สูงอายุแต่พอเลือกตั้งเสร็จ จะมาลดเบี้ย นายจุติ ชี้แจงว่า เพราะได้ข้อมูลผิดไงครับ ก่อนจะย้ำว่า ทุกคนที่ได้รับก็ยังคงได้รับเหมือนเดิม

เมื่อถามถึงการกำหนดการปรับหลักเกณฑ์ของผู้มีรายได้น้อยจะวัดอย่างไร นายจุติ กล่าวว่า ต้องไปดูที่รัฐธรรมนูญปี 60 ระบุว่า ผู้ที่ไม่มีรายได้เพียงพอนั่นแหละจะตัดที่เท่าไหร่ จะตัดที่ตัวเลขหรือเส้นแบ่งความยากจน แต่สิ่งที่นักการเมืองทุกคนไม่เคยพูดให้ประชาชนรับทราบ ว่า “ประเทศที่เขาเจริญแล้วที่เราทำตามเขา เขามีการพิสูจน์สิทธิ์ เช่น ออสเตรเลีย เยอรมัน อังกฤษ สหรัฐฯ คือมีการวัดว่าคุณลำบากจริง รายได้ไม่พอจริง ก็ควรจะไปช่วยเหลือ โอเคนะวันนี้เราบอกว่าเราให้ถ้วนหน้าก็โอเคครับ ถ้ามีสตางค์ วันนี้คุณยังเห็นเด็กที่ยังไม่มีเงินได้เรียนหนังสือ กองทุนเสมอภาคเพื่อการศึกษายังอยากมีงบประมาณเพิ่มขึ้น ดังนั้น จะให้กระจายทุกกลุ่ม หรือไม่ หรือจะให้เฉพาะกลุ่ม คนเป็นรัฐบาลก็ต้องมองให้ถ้วน ผมว่าขอให้คิดถึงความเป็นมนุษย์อย่าไปคิดถึงคะแนนเสียง

นายจุติ ยังระบุว่า เดิมทีรัฐธรรมนูญเขียนไว้ ว่าไม่ควรรับเงินซ้อนจากรัฐ ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว และอันใหม่ระบุว่าให้คนที่มีรายได้ไม่เพียงพอ ก็ต้องไปดูว่าตรงนั้นคืออะไร ไม่มีอะไรยาก ทำใจให้สบาย รักทุกคน และด้วยมารยาทตน คงไม่ไปเรียกคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ มาประชุม เพราะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรี พม. คนใหม่
“ ด้วยความเคารพทุกท่าน อยากให้แยกให้ออกว่านโยบายพรรคการเมือง กับนโยบายของรัฐบาล และโครงสร้างของประเทศ โครงสร้างการคลัง ประเทศไทยไม่ได้เผื่อไว้ หรือออกแบบมาเพื่อเป็นรัฐสวัสดิการ ดังนั้นหากจะต้องเปลี่ยนระบบเป็นระบบรัฐสวัสดิการ ต้องมีคนรับผิดชอบเยอะ วันนี้มีผู้ยื่นเสียภาษี 11 ล้านคน เสียภาษีจริงเพียง 4 ล้านคน ดังนั้นต้องขยายฐานภาษี และภาษีมูลค่าเพิ่มของต่างประเทศเขาอยู่ที่ 22 % ของไทยเราอยู่ที่ 7% ภาษีภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเขาอยู่ที่ 39 % เราอยู่ที่ 20% 22 ส่วนภาษีท้องที่เขาอยู่ที่12% เราอยู่ที่0.5 กับ 1 % เพราะฉะนั้นเราต้องมาถามว่าคนไทยพร้อมหรือยัง คุยกันทั้งประเทศ นักการเมืองพรรคการเมืองก็ต้องฟัง ทั่วทุกกลุ่ม “ นายจุติ ระบุ

เมื่อถามว่าให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ นายจุติ พยักหน้ารับ พร้อมระบุว่าด้วยความรับผิดชอบ ส่วนอยากจะฝากอะไรไปถึงรัฐมนตรี พม. หรือไม่ นั้น ขอให้คิดถึงทุกกลุ่ม รักทุกคน เฉลี่ยทุกเฉลี่ยสุขดีกว่า

เมื่อถามว่าไม่กลับมากระทรวงเดิมแล้วใช่หรือไม่ นายจุติ ระบุว่าไม่มีใครทราบ เดี๋ยวเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่


กำลังโหลดความคิดเห็น