สมาชิกปชป. ขยี้หูหลัง “หมออ๋อง” แจงปมโพสต์อวดเบียร์ แทบไม่เชื่อคำพูดจากรองปธ.สภา อัดก้าวไกลชอบอ้างความเสมอภาคแต่ตัวเองทำตัวกร่างเหนือกฎหมาย แหกกฎ สร้างบรรทัดฐานใหม่
วันนี้ (14ส.ค.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลกและรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ชี้แจงกรณีโพสต์ภาพคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า"มาตรา 32 เป็นซีรี่ย์ที่จะต้องทำการผลักดันให้เกิดขึ้น มองเป็นเรื่องดี สังคมได้ถกเถียง ปมโพสต์คราฟท์เบียร์ลงโซเชียล บอกโทษ ม.32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องแอลกอฮอล์หนัก โต้กลับไม่ได้เป็นเสมียนบรรจุกฎหมาย มีความคิดที่จะเสนอต่อสังคมได้" เมื่ออ่านข้อความดังกล่าวแล้วตนแทบไม่เชื่อว่าจะเป็นคำพูดออกจาก"ปากหมอๆ"ที่เป็นรองประมุขฝ่ายนิติบัญญัติที่มีหน้าที่ออกกฎหมายให้คนไทยทั้งประเทศได้ใช้อย่างเท่าเทียมแต่กลับมีวิธีคิดและทำตัวเหนือกฎหมายเสียเอง เมื่อทำผิดกฎหมายแล้วกลับให้ไปแก้ไขกฎหมาย โดยไม่มีจิตสำนึกรับผิดชอบไม่สนใจสังคมว่าเขาปฏิบัติตามกฎหมายกันมาอย่างไรสนใจแต่เรื่องของตัวเองทำตัวกร่างคับบ้านเมืองใหญ่คับประเทศ ไม่เหมือนที่อ้างมาตลอดว่าต้องการความเสมอภาคเท่าเทียมกันและแน่นอนใครๆก็ทราบว่าการแก้ไขกฎหมายจะทำได้โดยใช้กลไกสภาแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการแก้ไขแต่อย่างใด ยังไม่ได้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ยังไม่ได้มีร่างกฎหมายและยังไม่ได้แก้ไขสำเร็จ
ดังนั้นกฎหมายทุกมาตราที่มีผลบังคับใช้ต่อประชาชนอย่างเท่าเทียมยังดำรงอยู่ครบถ้วนด้วยศักดิ์และสิทธิ์ของตัวบทนั้นๆมาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด โดยหมออ๋องจะใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองอยู่เหนือกฎหมายได้อย่างนั้นหรือ และข้อที่บอกว่ายังไม่ได้เมาแล้วทำร้ายใครตัวคุณหมอคงลืมไปว่า อดีตส.ส.พรรคคุณเคยเมาแล้วขับ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายร้ายแรงและในการรณรงค์ต่างๆของภาคประชาชนถือว่าการเมาแล้วขับเทียบเท่ากับเป็นอาชญากรรมอย่างหนึ่ง เพราะขาดสติยับยั้งชั่งใจ จนก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตได้ลองไปถามเหยื่อเมาแล้วขับดูบ้างไหมว่ากว่าจะต่อสู้กว่าจะได้มาซึ่งกฎหมายแต่ละข้อแต่ละฉบับยากเย็นเพียงใด โดยเฉพาะที่หมออ๋อง บอกว่ามาตรา 32 ของ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่งมามีเมื่อตอนปี 2551 แต่หากนับจนถึงปัจจุบันก็ 15ปีแล้ว ที่คนไทยทุกคนอยู่ด้วยความเคารพกฎหมายเป็นปกติสุขแต่ตัวคุณต้องการคะแนนเสียงจากคนในท้องที่จึงอ้างสิทธิ์ต่างๆในการทำผิดกฎหมาย ซึ่งตนไม่คิดว่าจะมาถึงยุคที่รองประธานทำผิดกฎหมายเสียเองแล้วบอกว่ากฎหมายผิดและให้สังคมยอมรับในการกระทำผิดกฎหมายของตน หรือนี่คือบรรทัดฐานใหม่ของก้าวไกล