ศาลรัฐธรรมนูญยืดเวลา 30 วัน ตามคำขอ “พิธา” และพรรคก้าวไกล ส่งเอกสารประกอบพิจารณาคดีชูนโยบายแก้ ม.112 หาเสียงเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ ชี้ หากเข้าข่ายก็สั่งหยุดการกระทำ ไม่มีการพิจารณายุบพรรคเพราะเป็นเรื่องของ กกต.
วันนี้ (12 ส.ค.) นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง พิจารณาคดีที่มีผู้ร้องว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ซึ่งศาลให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน ว่า หลังครบกำหนดระยะเวลา 15 วัน ที่ศาลให้ส่งเอกสารประกอบนั้น ล่าสุด ทางพรรคก้าวไกลได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วันนั้น โดยให้เหตุผลว่าเอกสารเยอะ ต้องใช้เวลาในการรวบรวม โดยศาลก็อนุญาต ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเป็นการปฏิบัติแบบเดียวกับทุกคดีที่ขอขยายเวลา ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ กฎหมายไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่าให้ขยายเวลาได้กี่ครั้ง ส่วนถามว่าแค่ไหนถึงจะถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม นั้นหากหลายครั้งเกินไป ศาลก็จะดูว่ามีเจตนาดึงเรื่องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีทุกคดีของศาลไม่ได้ทำตามกระแสสังคม
ทั้งนี้ การร้องว่าบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ตามบทบัญญัติมาตรา 49 บุคคลจะใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขไม่ได้นั้น ถ้าศาลฟังว่า เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองศาลก็จะสั่งให้หยุดการกระทำ แต่ไม่มีกรณีการยุบพรรค เพราะในคำร้องก็ไม่มีเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ถึงมีคำร้องเราก็ไม่สามารถสั่งได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องพิจารณาว่า ผิดหรือไม่ผิด ถ้าเห็นว่าผิดก็ค่อยส่งมาถ้าเห็นว่าไม่ผิดก็ยกไป